Skip to main content

Post#363: แพ้ทั้งคู่

Post#363:
เรามักพบเจออุบัติเหตุรถชนกันบนท้องถนนได้ทุกเมื่อเชื่อวัน เกือบจะเป็นเหมือนเรื่องปกติไปแล้ว

บางครั้ง เราก็อาจจะเห็นภาพเจ้าของรถพูดคุยกันด้วยดี รถชนก็จอดรถรอบริษัทประกันฯ ไม่ก็รอตำรวจ และบ่อยครั้งเราก็จะเห็นภาพเค้าทะเลาะกัน ถกเถียงกันว่าใครผิดหรือใครถูก

ประเด็นที่ว่าใครผิดหรือใครถูก นี่เถียงกันให้ตายก็ไม่จบ ถ้าไม่แจ่มแจ้งจริงๆ นี่ เถียงกันไปเถอะครับ บางทีชนท้ายเค้าเห็นๆ ยังตะแบงโทษว่าเค้าเบรคกะทันหันอยู่เลย

เอาเถอะครับ ก็ปล่อยให้เค้าเถียงกันไป...

ประเด็นที่ผมอยากชวนคุยก็คือ เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น จะมีทั้งคนถูกและคนผิด แต่จะไม่มีคนชนะหรือแพ้...เพราะไม่ว่าใครจะถูกหรือผิด ก็ "แพ้" ทั้งคู่

ในที่นี้ผมหมายถึงอุบัติเหตุขนาดที่ไม่หนักหนาสาหัสจนยับเยินหรือถึงชีวิตนะครับ เพราะถ้าหนักถึงขนาดนั้น คงไม่มีเวลามาทะเลาะกันแน่ๆ

ไม่ว่าอุบัติเหตุนั้น จะเกิดขึ้นจากความมักง่ายของคน หรือเกิดจากเหตุสุดวิสัยก็ตาม เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ย่อมมีแต่คนแพ้ เพราะเสียทั้งทรัพย์สิน, เวลา, สุขภาพกาย และสุขภาพจิต

ในเมื่อมีแต่เรื่องเสียถึง 4 เรื่อง ทำไมไม่เปลี่ยนให้ 1 ใน 4 เรื่องนี้ กลายเป็นเรื่องที่ไม่เสีย

ใช่ครับ เราเลือกจะไม่ให้สุขภาพจิตของเราเสียได้ ด้วยการตามอารมณ์โกรธให้ทัน ถ้าอีกฝ่ายแรงมา ก็ต้องพยายามคุมอารมณ์ตัวเองอย่าให้เพริดไปตามเค้า

ณ เวลานั้น ผมเข้าใจได้เลย ว่าคุมอารมณ์ยากมาก แต่ก็ต้องทำใจ...อย่าลืมนะครับ ว่านี่เป็นเรื่องเดียวเลยที่เราคุมได้ เพราะรถน่ะ ก็ชนไปแล้ว จะแก้ยังไง, เจ็บตัวก็เจ็บไปแล้ว ก็ย้อนกลับไม่ได้, ส่วนเวลา ยังไงก็เสียแน่ๆ จะร้อนใจไปเพื่ออะไร?

แทนที่จะเสีย 4 เรื่อง เราก็จะเสียแค่ 3 เรื่อง และจะนึกขอบคุณตัวเองที่ไม่ทำให้ตัวเองต้องหงุดหงิดเรื่องนี้ไปทั้งวันหรือหลายๆ วัน

...

เรื่องเครียดในชีวิตมันก็เยอะอยู่แล้ว เราอย่าไปทำให้ตัวเราเครียดเพิ่มอีกเลยครับ ปล่อยให้ใจเราว่างเว้นจากไฟโทสะบ้าง จะได้อายุยืนขึ้นอีกหน่อย

ชีวิตผมผ่านช่วง "ไฟบรรลัยกัลป์" เผามาแล้ว จึงไม่อยากให้คนอื่นๆ ต้องเจอ ช่วงนั้น นิดๆ หน่อยๆ ก็เป็นฟืนเป็นไฟ มัวแต่โกรธมัวแต่ขึ้ง ใช้ความโกรธเผาทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่ที่หนักที่สุดก็คือมันเผาตัวเราเอง

พอตัวเกรียมแล้ว ใช่ว่าจะมีความสุขเพิ่ม ปัญหาก็ยังอยู่ยังงั้น เพราะมัวแต่โกรธ แต่ไม่ได้แก้

มาคิดได้ก็ตอนแก่นี่ล่ะครับ แต่ตอนนั้น ไม่รู้โกรธนานๆ ไปเพื่ออะไร? เล่าให้ฟังแล้ว ก็ยังขำตัวเองอยู่เลยครับ

แม้ว่าใน 1 สัปดาห์จะมีวันศุกร์แค่วันเดียว แต่ถ้าเราคิดได้ ละได้ วางเป็น เราก็จะมีวัน "สุข" ถึง 7 วันเลยทีเดียว


ผมเองก็พยายามอยู่ครับ...

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...