Skip to main content

Post#2-117: ความรู้คู่ปัญญา

Post#2-117:
ผมใช้เวลา 2 วันที่ผ่านมา พาครอบครัวเที่ยวในกรุงเทพฯ ไปที่ไหนๆ ถนนก็โล่ง แต่บน BTS กับในห้างฯ ไม่รู้ผู้คนมาจากไหนแน่นขนัดไปซะทั้งหมด

แม้โดยส่วนตัวผมจะชอบอยู่บ้านในวันหยุด เพราะทำงานหนักมาทุกวัน แต่เมื่อมีลูก ถ้าเป็นไปได้ผมมักจะชอบพาลูกไปไหนต่อไหนนอกบ้านมากกว่า

...

ลูกสาวผมชอบอ่านหนังสือเข้าขั้นมาก ซึ่งจริงๆ ก็เป็นเรื่องน่าดีใจที่ไม่ต้องคอยเคี่ยวเข็ญ แปลว่าเธอจะมีต้นทุน "ความรู้" ติดตัวอยู่บ้างแน่ๆ อย่างที่สุภาษิตฝรั่งว่าไว้ว่า "Today a reader, tomorrow a leader" แปลว่า "วันนี้เป็นนักอ่าน พรุ่งนี้จะได้เป็นผู้นำ"

แต่ลึกๆ ในใจผมให้ credit กับการนำ "ความรู้" ไปใช้ มากกว่าจะอ่านเพื่อให้รู้เท่านั้น ดังนั้น การออกไปนอกบ้านกับลูก จึงเป็นช่วงที่ผมได้ทดสอบว่า ลูกสามารถนำความรู้ต่างๆ มาใช้ชีวิตได้บ้างรึเปล่า?

โดยมากแล้ว ภูมิรู้มักจะได้รับการแสดงออก เมื่อเธอเห็นนั่น นู่น นี่ แล้วก็จะเล่าออกมาเอง หรือถามผมว่า รู้มั๊ยว่าเรื่องนี้เป็นอย่างนั้น หรือไม่ก็เรื่องนี้หนูเรียนมาเป็นอย่างนี้ แล้วผมก็จะคอยยั่วคอยแหย่ว่าไม่ใช่บ้างล่ะ ไม่จริงบ้างล่ะ เพื่อดูว่าเธอจะเชื่อมั่นในสิ่งที่รู้มาแค่ไหน

บางเรื่องที่เธอรู้มาไม่ถูกต้อง ก็จะเป็นโอกาสที่ได้ทดลองให้เธอเห็นจริงไปพร้อมๆ กันว่าที่ว่าไม่ถูกต้องน่ะ แล้วที่ถูกต้องมันเป็นยังไง

แต่กว่าจะทำความเข้าใจกันได้ บางทีก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันล่ะครับ...

...

จริงๆ ผมเคยแชร์ไว้บ้างแล้วว่า "ความรู้" กับ "ปัญญา" น่ะ เป็นของคู่กัน (Post#71) เราอาจมีความรู้แน่น แต่หากประยุกต์ใช้ไม่เป็น ก็แปลว่าเราอาจจะยังอ่อนด้อยเรื่องปัญญา แต่เราก็มิอาจมีปัญญาที่เปี่ยมล้นได้ หากมิได้มีพื้นฐานความรู้อันแข็งแกร่งเป็นทุน

Anthony Douglas William (นักเขียนและนักวิชาการ ผู้มีผลงานประจำใน Business Week) กล่าวถึงเรื่องความรู้และปัญญาไว้อย่างน่าสนใจว่า

"Knowledge comes from learning. Wisdom comes from living."

แปลว่า "ความรู้มาจากการเรียนรู้ต่างๆ แต่ปัญญามาจากการใช้ชีวิต"

เราจะเป็นแค่ "ผู้เชี่ยวชาญแห่งองค์ความรู้" หรือจะเป็น "ผู้เชี่ยวชาญแห่งการใช้ชีวิต" ก็อยู่ที่เราเลือกเองครับ ^^

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...