Skip to main content

Post#2-121: ตัดสินใจ

Post#2-121:
ผมเชื่อว่า เราคงเคยผ่านความผิดพลาดของการตัดสินใจอะไรชั่ววูบกันมาบ้างนะครับ

แล้วก็ให้มานั่งเสียใจทีหลังกับการตัดสินใจที่ว่า...

คราวนี้มาว่ากันถึงเหตุที่ทำให้เกิดการตัดสินใจชั่ววูบขึ้นบ้าง...ลองคิดตามมั๊ยครับ ว่าเหตุที่ว่าเกิดจากอะไร?

ให้เวลาคิดนานนิดนึงครับ ซัก 5 นาที

...

สำหรับผม การตัดสินใจชั่ววูบมักเกิดขึ้นตอนอารมณ์ไม่ปกติ ไม่ว่าจะ ดีใจเกินเหตุ เสียใจเกินไป โกรธควันออกหู หรือกำลังบ้ายอจนบินได้

อารมณ์เหล่านี้ มักส่งผลให้เราตัดสินใจชั่ววูบ และมักจบลงด้วยการที่เราต้องจมอยู่กับความเสียใจตามหลังซะเป็นส่วนมาก

การตัดสินใจอะไรใหญ่ๆ จึงต้องผ่านการใคร่ครวญให้รอบคอบ ตรวจสอบให้ถ้วนถี่ คิดเผื่อทางร้าย ชายตามองส่วนดี ถามความเห็นรอบข้าง ค้นลึกให้กระจ่าง และที่สำคัญ มีหลักการและตรรกะ

ไม่ต้องบ้าจี้ทำให้ครบตามที่ผมโม้มาหรอกครับ แค่ระวังตนให้มีสติ หัดคิด วิเคราะห์ และแยกแยะ ไม่ตัดสินใจแบบปุ๊บปั๊บ ก็น่าจะดีพอแล้วล่ะครับ

...

เล่าจื๊อ นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ของจีน ก็เคยสอนไว้ว่า

"เมื่อโกรธจัด อย่าเพิ่งตอบข้อความใคร
เมื่อดีใจ อย่าเพิ่งให้สัญญา
เมื่อเศร้าหนักหนา อย่าเพิ่งตัดสินใจ"

ส่วนฝรั่งก็สอนไว้ในทำนองเดียวกันว่า

"Never make permanent decisions on temporary feelings." แปลว่า "อย่าได้ตัดสินใจในเรื่องที่จะผูกพันเราไปชั่วชีวิต ด้วยอารมณ์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่ววูบ"

...

สุดท้าย ไม่ว่าผลลัพธ์ของการตัดสินใจจะเป็นยังไง ถ้ามันเกิดมาจากการตัดสินใจที่มีที่มาที่เหมาะที่ควรแล้ว...ก็ยิ้มรับกับผลลัพธ์นั้นกันเถอะครับ

แต่ถ้ารู้ตัวว่าผลลัพธ์นั้น เกิดจากการตัดสินใจที่มาจากอารมณ์มากกว่าเหตุผล...ก็จงเรียนรู้และทำให้ดีขึ้นกับการตัดสินใจครั้งต่อๆ ไป

และโปรดจำไว้ว่า การตัดสินใจที่เลวร้ายที่สุด ก็คือการตัดสินใจว่าจะไม่ตัดสินใจนั่นเอง -"-

เพราะมันจะทำให้ชีวิตเราเดินหน้าต่อไปไม่ได้ครับ...

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...