Skip to main content

Post#2-130: ประเมินปีเก่า...ตั้งเป้าปีใหม่

Post#2-130:
บ่ายแก่ๆ ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ไปประชุมกับทีม Merchandise ของ Department Store แห่งหนึ่ง

เป็นธรรมดาที่เมื่อขึ้นปีใหม่ ก็ต้องมาประชุมกันเพื่อทำ Performance Review และทำ Target Set ร่วมกัน

Supplier เจ้าใหญ่ๆ น่ะคุยกันไปหมดตั้งแต่ต้น Q4 ปีที่แล้ว ส่วนเจ้าเล็กๆ อย่างผมก็ต้องรอคุยในปีนี้ล่ะครับ ซึ่งหวังว่าในปีต่อๆ ไป จะมีโอกาสได้คุยแต่เนิ่นๆ บ้าง ^^

...

แต่ไม่ว่าจะเป็นรายใหญ่หรือเล็ก การประชุมนี้มีความสำคัญมาก เพราะเป็นการประชุมเพื่อทำความเข้าใจร่วมกันกับลูกค้า ได้พูดคุยสอบถามพร้อมทั้งตอบข้อสงสัยกันและกันว่า ปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง ได้เรียนรู้อะไร ต้องแก้ไขจุดไหน หรือต้องปรับปรุงอย่างไรบ้าง?

และที่สำคัญที่สุดก็คือ ปีนี้จะวางแผนการเติบโตของยอดขายอย่างไร?

หลักการสำคัญยิ่งในการประชุมนี้ คือต้องมีทั้งบทสรุปเชิงกลยุทธ์ควบคู่ไปกับตัวเลขเชิงวิเคราะห์ไปด้วยเสมอ เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีโอกาสได้เข้าใจตรรกะซึ่งกันและกัน และได้ประเมินถึงความเป็นไปได้ของความคาดหวัง (ตัวเลขยอดขาย) ได้อย่างชัดเจน

...

ผมเคยเป็นทั้ง Client และ Supplier มาแล้วทั้งคู่ จึงเข้าใจหัวอกและวิธีคิดของทั้ง 2 ฝ่ายได้เป็นอย่างดี อะไรเป็นเรื่องที่ฝ่ายไหนยอมได้ อะไรเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายถึงตายก็ไม่ยอม

จึงได้แต่บอกว่า ถ้าเป็นฝั่ง Client ก็ต้องให้โอกาส Supplier บ้าง อย่าบีบให้ตายคามือ และถ้าเป็นฝั่ง Supplier ก็อย่าไปขอหรือต่อรองอะไรที่ไม่สมเหตุสมผล

แม้ว่าการค้าจะต้องมีการเจรจาต่อรองกันเป็นปกติธรรมดา แต่ผมเชื่อว่าเราสามารถช่วยเหลือกันให้การเจรจานั้น ลงเอยด้วยการที่ทั้ง 2 ฝ่าย เป็นผู้ชนะได้ทั้งคู่

ไม่แปลกที่จะต้องมีฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ชนะมากกว่าอีกฝ่าย อันเป็นไปตามกฎการค้า แต่สำคัญที่ต้องรักษาสมดุลย์ให้อีกฝ่ายเป็นผู้ชนะให้ได้ด้วย

ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งแพ้แบบย่อยยับอัปราชัย คราวหน้าจะเหลือใครให้เจรจา?

และถ้าไม่มีคู่เจรจา จะไม่มีทั้ง "ผู้ชนะและผู้แพ้" เพราะจะมีก็แต่ "ผู้เสียโอกาส" ก็เท่านั้น

จะเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่และยั่งยืน ย่อมต้องพยายามให้ทุกคนในสนามการเจรจา มีส่วนร่วมในชัยชนะด้วยเท่านั้นครับ!

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...