Post#2-119:
เคยดูรายการแข่งขันวิ่ง 31 ขา ของเด็กประถมญี่ปุ่นมั๊ยครับ?
เป็นเรื่องไม่ง่ายเลยที่เด็ก 30 คน จะสามารถก้าวขาวิ่งไปข้างหน้าได้อย่างพร้อมเพรียงเป็นจังหวะเดียวกัน
เด็กประถมตัวน้อยๆ ทั้ง 30 คนนี้ ต้องปรับทัศนคติของทุกคนที่มาอยู่ร่วมกันในทีมใหม่ทั้งหมด ต้องเรียนรู้กันและกัน ต้องเข้าใจกัน และที่สำคัญต้องรักกัน
นอกจากนั้นแล้ว ยังต้องหมั่นฝึกซ้อมนานนับเดือน วิ่งกันเป็นร้อยๆ เที่ยว อาบเหงื่อ อาบน้ำตา เรียกว่าต้องปรับทั้งหัวใจเตรียมทั้งร่างกาย เพื่อการแข่งขันที่กินเวลาในการวิ่งไม่เกิน 30 วินาที
...
ในชีวิตการทำงาน ผมพบว่า เราก็วิ่ง 31 ขา แบบนี้เหมือนกันล่ะครับ
ต่างกันตรงที่เชือกที่มัดขาของเราไว้รวมกันน่ะ เป็นเชือกแห่งมิตรภาพที่มองไม่เห็น เราอาจไม่ได้ใช้มือในการโอบไหล่โอบเอวกันให้เห็น แต่เราต่างต้องใช้ความเชื่อใจในการร้อยรัดกันและกันเอาไว้
...
การวิ่ง 31 ขานี้ แค่เด็กหนึ่งคนถอดใจยอมแพ้ ไม่ยอมก้าวขาต่อ หรือแม้กระทั่งหกล้มระหว่างวิ่ง ก็หมายความว่า ความพ่ายแพ้ได้เกิดขึ้นแล้ว แปลว่า นอกจากความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะแล้ว ก็ยังต้องอาศัยการประคับประคองดูแลกันและกันด้วย
เด็กตัวเล็กที่ขาสั้น ต้องเรียนรู้และผลักดันให้ตัวเองก้าวให้เร็วขึ้น กว้างขึ้น ในขณะที่เด็กตัวโตที่ขายาวกว่า ต้องเรียนรู้และพยายามก้าวขาให้สั้นลง และช้าลง
ทีมชนะไม่ใช่ตัวเองชนะ
...
เคยมั๊ยครับที่รู้สึกว่า งานชั้นเสร็จแล้ว งานคนอื่นจะเป็นยังไงก็ช่าง? นั่นแหละครับ เค้าลางแห่งความแพ้พ่าย เพราะเราไม่อาจวิ่งเข้าเส้นชัยได้ด้วยตัวเราเองเพียงคนเดียว
เด็กหนึ่งคนที่อยู่ในทีมวิ่ง 31 ขา ไม่อาจทำงานคนเดียวให้ทีมชนะ แต่ในทางกลับกัน เค้าอาจเป็นต้นเหตุให้ทีมแพ้ได้
เพื่อนร่วมงานคนเดียวที่บ้าพลังก็ไม่อาจทำให้งานบรรลุผลลัพธ์ ในขณะที่เพื่อนร่วมงานที่หนักไม่เอาเบาไม่สู้ อาจนำทั้งบริษัทไปสู่ความล้มเหลว
...
เด็กๆ อาจจะตั้งเป้าหมายของการวิ่งไว้ที่การเป็นผู้ชนะ แต่ผมมองว่าการวิ่งเข้าเส้นชัยได้โดยไม่ล้มและทำเวลาได้ไม่ขี้เหร่ ก็ถือเป็นความสำเร็จที่เยี่ยมยอดอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
ถ้าเด็กเล็กๆ ทำได้ ผู้ใหญ่อย่างเราก็ควรเอาอย่างนะครับ ขืนทำงานเหลาะแหละเหยาะแหยะ เรากลายเป็นคนเดียวในทีม 30 คน ที่หกล้มหรือไม่ออกแรงวิ่งน่ะ...คนอื่นดูเค้าก็รู้
ไม่อายเพื่อนก็อายเด็กบ้างนะเออ ^^
Comments
Post a Comment