Post#2-145:
เช้าวันนี้ผมได้รับเกียรติให้เข้าพบ CEO ของบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย แบบเรียกว่า "กระทบไหล่" เพราะท่านเปิดห้องทำงานให้ผมเข้าพบเป็นการส่วนตัว
การเข้าพบผู้ใหญ่ในระดับประเทศแบบนี้ ถือเป็นโอกาสที่หาได้ไม่ง่ายนัก สำหรับผู้บริหารบริษัทเล็กๆ อย่างผม แต่คงเป็นเพราะกรรมดีแต่หนหลัง ที่ทำให้ผมได้รับโอกาสดีๆ แบบนี้ บ่อยกว่าค่าเฉลี่ย
ว่าอันที่จริง ผมได้รับความเมตตาจากผู้ใหญ่หลายๆ ท่านอยู่หลายต่อหลายครั้ง รวมเป็นหลายคำแนะนำ หลากความชื่นชม ร้อยคำตักเตือน และพันคำชี้แนะ ซึ่งผมจำใส่สมองและประทับไว้ในหัวใจอย่างไม่เคยลืม แต่การได้เข้าพบท่านผู้ใหญ่ระดับนี้แบบเป็นการส่วนตัว เพื่อนำเสนอแผนงานและมีโอกาสได้รับการสอนสั่ง ถือเป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยสำหรับผม
ตอนหนึ่งแห่งการสนทนา ท่านให้กำลังใจและชื่นชมในแนวคิดและแผนงานของผมเป็นอย่างมาก จะเพราะท่านชื่นชมในความสามารถของผมจริงๆ หรือเพราะท่านต้องการให้กำลังใจก็แล้วแต่ แต่ก็เป็นเหตุให้หัวใจผมพองโตด้วยความปิติ เพราะการได้รับกำลังใจจากท่านผู้ใหญ่ที่เราให้ความเคารพ คงเป็นอะไรที่ทุกคนเองก็อยากให้เกิดกับตัวเราบ้างซักครั้งอย่างแน่นอน
นอกจากคำชมแล้ว ท่านยังช่วยผมขัดเกลาแนวคิดหลายๆ เรื่อง ทำให้มุมมองของผมเปิดกว้างขึ้น เห็นปัจจัยที่จะมากระทบมากขึ้น เห็นจุดบกพร่องในแนวคิดที่จะต้องวางแผนป้องกัน และเห็นโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติมขึ้นอีกมาก
ก่อนกราบลาท่านมา ผมขออนุญาตฝากตัวเป็นศิษย์...ท่านก็ยิ้มให้ผมด้วยความเมตตา และบอกว่า "มีอะไรก็มาหานะ"
...
มีคนเคยว่าไว้ ว่าหนึ่งวันของอัจฉริยะ ช่างแตกต่างอย่างเหลือเกินจากหนึ่งวันของคนธรรมดา และแม้ผมจะมีเวลาเพียง 1 ชั่วโมงกับท่าน แต่ผมกลับรู้สึกว่า ได้ผ่านคอร์สฝึกอบรมที่ดีๆ มานานนับเดือน
ใครเคยอ่านการ์ตูนเรื่อง Dragon Ball คงจะเข้าใจดี ว่าการได้เข้าไปฝึกใน "ห้องกาลเวลา" นั้น ให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยมเพียงใด และผมก็เป็นหนึ่งในผู้โชคดีที่เช้านี้ได้ใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงใน "ห้องกาลเวลา" ที่ว่า
การได้เสวนากับผู้รู้หรือปราชญ์ จึงเสมือนเป็นการ "เรียนลัด" จากประสบการณ์ชีวิตที่ท่านสั่งสมมา และแน่นอนว่าหลายเรื่องที่ท่านสั่งสอน เราไม่อาจอ่านพบได้จากตำราเล่มไหนๆ ในโลก เป็นองค์ความรู้ที่ท่านจารึกไว้บนสลักผาแห่งความทรงจำ ด้วยค้อนแห่งฉันทะ และสิ่วแห่งวิริยะ ราดรดสลักผานั้นด้วยหยาดเหงื่อแห่งจิตตะ และน้ำตาแห่งวิมังสา
...
แม้บางคนอาจจะมั่นใจว่าตัวเองเป็น "เพชร" คือเก่งอยู่แล้ว หรือดีอยู่แล้ว แต่ผมยืนยันว่า เราจะเลอค่ามากขึ้น หากได้ผ่านการเจียระไนจากท่านผู้ใหญ่ที่เมตตาสอนสั่ง เพราะท่านก็เปรียบได้กับช่างทำเพชรฝีมือเยี่ยม ที่รู้ดีเป็นอย่างยิ่งว่า จะต้องขัดเกลาเพชรในมืออย่างไร ให้มีเหลี่ยมงาม น้ำคม และก่อให้เกิดประกายเจิดจ้าได้ดีที่สุด
หากใครได้มีโอกาสได้พบท่านผู้ใหญ่ที่เป็นจอมปราชญ์เหล่านี้ เราจะรู้สึกได้ทันทีถึงพลังตบะบารมีและปรีชาฌาณที่เปล่งออกมาจากตัวท่าน ซึ่งมิใช่เกิดจากตำแหน่ง หากแต่เกิดจากภูมิธรรมและองค์ความรู้ที่ท่านมีอยู่ในตัว
ขอให้ทุกท่านได้พบโอกาสเจอ "จอมปราชญ์" แบบนี้ กันทุกคนนะครับ...ส่วนผมขอตัวไปทำแผนงานตามที่ท่านสอนสั่งก่อนครับ ^^
เช้าวันนี้ผมได้รับเกียรติให้เข้าพบ CEO ของบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย แบบเรียกว่า "กระทบไหล่" เพราะท่านเปิดห้องทำงานให้ผมเข้าพบเป็นการส่วนตัว
การเข้าพบผู้ใหญ่ในระดับประเทศแบบนี้ ถือเป็นโอกาสที่หาได้ไม่ง่ายนัก สำหรับผู้บริหารบริษัทเล็กๆ อย่างผม แต่คงเป็นเพราะกรรมดีแต่หนหลัง ที่ทำให้ผมได้รับโอกาสดีๆ แบบนี้ บ่อยกว่าค่าเฉลี่ย
ว่าอันที่จริง ผมได้รับความเมตตาจากผู้ใหญ่หลายๆ ท่านอยู่หลายต่อหลายครั้ง รวมเป็นหลายคำแนะนำ หลากความชื่นชม ร้อยคำตักเตือน และพันคำชี้แนะ ซึ่งผมจำใส่สมองและประทับไว้ในหัวใจอย่างไม่เคยลืม แต่การได้เข้าพบท่านผู้ใหญ่ระดับนี้แบบเป็นการส่วนตัว เพื่อนำเสนอแผนงานและมีโอกาสได้รับการสอนสั่ง ถือเป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยสำหรับผม
ตอนหนึ่งแห่งการสนทนา ท่านให้กำลังใจและชื่นชมในแนวคิดและแผนงานของผมเป็นอย่างมาก จะเพราะท่านชื่นชมในความสามารถของผมจริงๆ หรือเพราะท่านต้องการให้กำลังใจก็แล้วแต่ แต่ก็เป็นเหตุให้หัวใจผมพองโตด้วยความปิติ เพราะการได้รับกำลังใจจากท่านผู้ใหญ่ที่เราให้ความเคารพ คงเป็นอะไรที่ทุกคนเองก็อยากให้เกิดกับตัวเราบ้างซักครั้งอย่างแน่นอน
นอกจากคำชมแล้ว ท่านยังช่วยผมขัดเกลาแนวคิดหลายๆ เรื่อง ทำให้มุมมองของผมเปิดกว้างขึ้น เห็นปัจจัยที่จะมากระทบมากขึ้น เห็นจุดบกพร่องในแนวคิดที่จะต้องวางแผนป้องกัน และเห็นโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติมขึ้นอีกมาก
ก่อนกราบลาท่านมา ผมขออนุญาตฝากตัวเป็นศิษย์...ท่านก็ยิ้มให้ผมด้วยความเมตตา และบอกว่า "มีอะไรก็มาหานะ"
...
มีคนเคยว่าไว้ ว่าหนึ่งวันของอัจฉริยะ ช่างแตกต่างอย่างเหลือเกินจากหนึ่งวันของคนธรรมดา และแม้ผมจะมีเวลาเพียง 1 ชั่วโมงกับท่าน แต่ผมกลับรู้สึกว่า ได้ผ่านคอร์สฝึกอบรมที่ดีๆ มานานนับเดือน
ใครเคยอ่านการ์ตูนเรื่อง Dragon Ball คงจะเข้าใจดี ว่าการได้เข้าไปฝึกใน "ห้องกาลเวลา" นั้น ให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยมเพียงใด และผมก็เป็นหนึ่งในผู้โชคดีที่เช้านี้ได้ใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงใน "ห้องกาลเวลา" ที่ว่า
การได้เสวนากับผู้รู้หรือปราชญ์ จึงเสมือนเป็นการ "เรียนลัด" จากประสบการณ์ชีวิตที่ท่านสั่งสมมา และแน่นอนว่าหลายเรื่องที่ท่านสั่งสอน เราไม่อาจอ่านพบได้จากตำราเล่มไหนๆ ในโลก เป็นองค์ความรู้ที่ท่านจารึกไว้บนสลักผาแห่งความทรงจำ ด้วยค้อนแห่งฉันทะ และสิ่วแห่งวิริยะ ราดรดสลักผานั้นด้วยหยาดเหงื่อแห่งจิตตะ และน้ำตาแห่งวิมังสา
...
แม้บางคนอาจจะมั่นใจว่าตัวเองเป็น "เพชร" คือเก่งอยู่แล้ว หรือดีอยู่แล้ว แต่ผมยืนยันว่า เราจะเลอค่ามากขึ้น หากได้ผ่านการเจียระไนจากท่านผู้ใหญ่ที่เมตตาสอนสั่ง เพราะท่านก็เปรียบได้กับช่างทำเพชรฝีมือเยี่ยม ที่รู้ดีเป็นอย่างยิ่งว่า จะต้องขัดเกลาเพชรในมืออย่างไร ให้มีเหลี่ยมงาม น้ำคม และก่อให้เกิดประกายเจิดจ้าได้ดีที่สุด
หากใครได้มีโอกาสได้พบท่านผู้ใหญ่ที่เป็นจอมปราชญ์เหล่านี้ เราจะรู้สึกได้ทันทีถึงพลังตบะบารมีและปรีชาฌาณที่เปล่งออกมาจากตัวท่าน ซึ่งมิใช่เกิดจากตำแหน่ง หากแต่เกิดจากภูมิธรรมและองค์ความรู้ที่ท่านมีอยู่ในตัว
ขอให้ทุกท่านได้พบโอกาสเจอ "จอมปราชญ์" แบบนี้ กันทุกคนนะครับ...ส่วนผมขอตัวไปทำแผนงานตามที่ท่านสอนสั่งก่อนครับ ^^
Comments
Post a Comment