Post#2-134:
บ่ายวันนี้ผมไปประชุมกับ International Law Firm แห่งหนึ่ง เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับข้อกฎหมายบางประการ
หลังการประชุมกว่า 2 ชั่วโมง ผมพบข้อสรุปว่า ความถูกต้องในด้านกฎหมาย อาจจะไม่ได้หมายถึงความถูกต้องในด้านอื่นๆ
หมายความว่า บางเรื่องที่ถูกกฎหมาย อาจจะผิดธรรมเนียมปฏิบัติก็ได้ หรือบางเรื่องถ้าทำตามขั้นตอนให้ถูกกฎหมายเป๊ะๆ อาจกินเวลากว่าการตกลงกันนอกรอบก็เป็นได้
...
หันกลับมามองชีวิตจริงบ้าง ผมก็พบว่า เราเจอสถานการณ์แบบนี้อยู่ไม่น้อย
เช่น ถ้าจะตัดสินลงโทษลูกน้องตามกฎระเบียบบริษัทแบบเป๊ะๆ คงไม่มีใครอยู่ได้ ในทำนองเดียวกับถ้ามัวแต่โอ๋ลูกน้องจนละเลยกฎไปซะทั้งหมด ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
คนที่อยู่ในฐานะเจ้านายทุกคน จึงต้องเลือกที่จะบังคับหรือไม่บังคับใช้กฎต่างๆ ซึ่งก็ต้องดูให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์
บางครั้งจึงต้องเลือกระหว่างการเป็นผู้บริหารที่เห็นแก่บริษัทฯ หรือเป็นเจ้านายที่เห็นแก่ลูกน้อง ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ยากมากอย่างหนึ่งของการเป็นนาย และถือเป็นสิ่งพิสูจน์วุฒิภาวะของความเป็นนายด้วยเช่นกัน
...
ตัดสินโดยมุ่งแต่ความถูกต้อง อาจต้องแลกมาด้วยความไม่ถูกใจ ช้ำใจ และเสียใจ แต่ตัดสินเพื่อให้ถูกใจ ก็ทำให้เราต้องทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง และนำไปสู่การสร้างมาตรฐานผิดๆ ในระยะยาวได้ รวมไปถึงปัญหาเรื่องความลำเอียงในสายตาของลูกน้องอีกด้วย
ถ้าถามว่า ผมทำยังไงเวลาเจอสถานการณ์แบบนี้?
ตอบง่ายแต่ฟังยากว่า "ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว" ครับ แต่มีหลักการที่ผมยึดถือเป็นแนวทางตัดสินใจว่า ยึดความถูกต้องเป็นหลัก แต่จะช่วยเหลือให้โทษหนักเป็นเบาหรือไม่ จะดูจากปัจจัยแวดล้อมว่าสุดวิสัยหรือไม่ ประกอบไปกับเจตนาและความประพฤติของลูกน้อง
ที่สำคัญ ผมจะบันทึกเหตุผลของการตัดสินใจให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องรับทราบทุกครั้ง และจะไม่เปิดเผยให้มีการรับรู้ในวงกว้าง แต่อาจจะมีการยกเป็น Case Study แทน โดยมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลบางส่วน
ใครมีวิธีดีๆ มาแชร์กันบ้างนะครับ
บ่ายวันนี้ผมไปประชุมกับ International Law Firm แห่งหนึ่ง เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับข้อกฎหมายบางประการ
หลังการประชุมกว่า 2 ชั่วโมง ผมพบข้อสรุปว่า ความถูกต้องในด้านกฎหมาย อาจจะไม่ได้หมายถึงความถูกต้องในด้านอื่นๆ
หมายความว่า บางเรื่องที่ถูกกฎหมาย อาจจะผิดธรรมเนียมปฏิบัติก็ได้ หรือบางเรื่องถ้าทำตามขั้นตอนให้ถูกกฎหมายเป๊ะๆ อาจกินเวลากว่าการตกลงกันนอกรอบก็เป็นได้
...
หันกลับมามองชีวิตจริงบ้าง ผมก็พบว่า เราเจอสถานการณ์แบบนี้อยู่ไม่น้อย
เช่น ถ้าจะตัดสินลงโทษลูกน้องตามกฎระเบียบบริษัทแบบเป๊ะๆ คงไม่มีใครอยู่ได้ ในทำนองเดียวกับถ้ามัวแต่โอ๋ลูกน้องจนละเลยกฎไปซะทั้งหมด ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
คนที่อยู่ในฐานะเจ้านายทุกคน จึงต้องเลือกที่จะบังคับหรือไม่บังคับใช้กฎต่างๆ ซึ่งก็ต้องดูให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์
บางครั้งจึงต้องเลือกระหว่างการเป็นผู้บริหารที่เห็นแก่บริษัทฯ หรือเป็นเจ้านายที่เห็นแก่ลูกน้อง ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ยากมากอย่างหนึ่งของการเป็นนาย และถือเป็นสิ่งพิสูจน์วุฒิภาวะของความเป็นนายด้วยเช่นกัน
...
ตัดสินโดยมุ่งแต่ความถูกต้อง อาจต้องแลกมาด้วยความไม่ถูกใจ ช้ำใจ และเสียใจ แต่ตัดสินเพื่อให้ถูกใจ ก็ทำให้เราต้องทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง และนำไปสู่การสร้างมาตรฐานผิดๆ ในระยะยาวได้ รวมไปถึงปัญหาเรื่องความลำเอียงในสายตาของลูกน้องอีกด้วย
ถ้าถามว่า ผมทำยังไงเวลาเจอสถานการณ์แบบนี้?
ตอบง่ายแต่ฟังยากว่า "ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว" ครับ แต่มีหลักการที่ผมยึดถือเป็นแนวทางตัดสินใจว่า ยึดความถูกต้องเป็นหลัก แต่จะช่วยเหลือให้โทษหนักเป็นเบาหรือไม่ จะดูจากปัจจัยแวดล้อมว่าสุดวิสัยหรือไม่ ประกอบไปกับเจตนาและความประพฤติของลูกน้อง
ที่สำคัญ ผมจะบันทึกเหตุผลของการตัดสินใจให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องรับทราบทุกครั้ง และจะไม่เปิดเผยให้มีการรับรู้ในวงกว้าง แต่อาจจะมีการยกเป็น Case Study แทน โดยมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลบางส่วน
ใครมีวิธีดีๆ มาแชร์กันบ้างนะครับ
Comments
Post a Comment