Skip to main content

Posts

Showing posts from August, 2015

Post#2-358: หนึ่งปาก...สองหู

Post#2-358: เคยได้ยินคำถามที่ว่า "ทำไมเรามีปากแค่หนึ่งปาก แต่มีหูถึงสองข้าง" บ้างมั๊ยครับ? สารภาพว่า เมื่อได้ยินครั้งแรก ผมตอบคำถามนี้ไม่ได้ แม้จะใช้เวลาคิดอยู่เป็นนาน...ก็ยังไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจอยู่ดี งั้นผมเชิญใครที่ยังไม่เคยได้ยินคำถามนี้ ลองคิดดูดีมั๊ยครับ ให้เวลาเต็มที่เลยครับ...ส่วนใครที่ทราบคำตอบแล้ว ก็ข้ามเลยครับ ... เชื่อว่าหลายๆ ท่านคงเห็นด้วยกับคำตอบว่า ก็เพราะพระเจ้าต้องการให้เรา "ฟัง" มากกว่า "พูด" นั่นเอง (สังเกตให้ดีนะครับ ว่าผมกำลังพูดถึง การ "ฟัง" ไม่ใช่ "ได้ยิน" และ "พูด" ไม่ใช่ "เปล่งเสียง") โดยมากแล้ว คนเรามักจะไม่ค่อยฟังคนอื่น...แต่ชอบให้คนอื่นฟังเรามากกว่า และนั่นก็เป็นสาเหตุที่มักจะทำให้เกิดปัญหาไปซะทุกที เพราะมีคนชอบพูดมากกว่าชอบฟังนั่นเอง ถ้าเราเชื่อตามเหตุผลที่พระเจ้า (หรือธรรมชาติ) สร้างสรรค์...เราก็ควรเห็นด้วยโดยดุษฎีว่า เราควรฟังมากกว่าพูด ... เกี่ยวกับเรื่องการฟังให้มากกว่าพูดนี้ Dalai Lama (องค์ดาไลลามะ) ได้โปรดเทศน์สั่งสอนไว้ว่า "When you talk,...

Post#2-357: คุ้มมั๊ยนะ?

Post#2-357: โดยส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อว่า ส่วนใหญ่แล้ว คงไม่มีใครชอบถูกบังคับให้ทำนั่น นู่น นี่...ใครๆ ก็อยากมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ตามใจของตัว แต่ในชีวิตจริง เราต่างก็มีพันธกิจในชีวิตต่างกันออกไป ต่างก็มีภาระหน้าที่ มีความรับผิดชอบทั้งต่อตัวเราเองและครอบครัว...ก็แปลว่าเราก็ไม่อาจจะตามใจตัวเองไปได้ทั้งหมด ตราบเท่าที่สิ่งที่เราเลือกทำไม่ได้ไปส่งผลกระทบเชิงลบให้กับใครที่ไหน...ก็คงไม่เป็นไรถ้าเราเลือกที่จะทำมัน ... จริงอยู่ที่เรามีอิสระในการเลือกจะทำอะไรก็ได้ หากแต่เราต้องประเมินด้วยว่า เรารับผิดชอบสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาจากสิ่งที่เราเลือกทำหรือไม่ อย่างที่ฝรั่งว่าไว้ว่า "You are free to choose, but you are not free from the consequence of your choice." แปลว่า "คุณมีอิสระที่จะเลือกทำอะไรก็ได้ หากแต่คุณจะต้องยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาจากสิ่งที่คุณเลือกนั้น" ... ส่วนใหญ่ของความวุ่นวาย ก็มักเกิดจากการที่เราไม่ค่อยมองไปถึงผลกระทบระยะกลางและระยะยาวที่จะเกิดขึ้น บางครั้งเราสะใจที่ได้ทำตามใจเรา ณ เดี๋ยวนั้น...แต่กี่ครั้งล่ะ ที่เรามักจะต้องมา...

Post#2-356: เก่งกว่าเดิม

Post#2-356: นอกเหนือไปจาก Ballet แล้ว ช่วงนี้ลูกสาวผมก็เริ่มจะจริงจังกับการเล่น Piano มากเป็นพิเศษ อาจเพราะยีนจากแม่ ที่ทำให้เธอมีดนตรีอยู่ในหัวใจ และอาจจะเป็นเพราะยีนชอบเอาชนะเป้าหมาย...ที่มีอยู่ในตัวผม เวลาผมเห็นลูกเล่น Piano...เป็นเวลาที่ผมเห็นความมุ่งมั่นในแววตาและความสุนทรีในอารมณ์ของลูกไปพร้อมๆ กัน ... เมื่อไหร่ก็ตามที่มีจังหวะว่างๆ ลูกสาวผมก็มักจะไม่พลาดที่จะซ้อม Piano และเธอจะยินดีมากหากว่าผมอยู่ด้วยพอดี เมื่อเล่นจบ เธอจะคอยถามผมว่า เธอเล่นดีมั๊ย เธอเก่งรึเปล่า?...ซึ่งส่วนมากแล้ว เธอก็มักจะได้คำตอบจากผมว่า "ดีขึ้นแล้ว แต่ยังดีไม่พอ เล่นให้ดีกว่านี้ได้มั๊ยลูก" ทุกครั้งที่ได้ยินคำตอบแบบนี้ เธอจะทำหน้าเศร้านิดๆ หงุดหงิดนิดหน่อย...ก่อนที่จะตั้งใจให้มากขึ้นและเริ่มเล่นใหม่ เพื่อเอาชนะเป้าหมายที่ผมตั้งให้ ซึ่งก็คือ "เล่นให้ดีกว่าเดิม" ... ถ้าเราอยากจะพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น...เราก็ไม่ควรจะแสวงหา "ความเก่งที่สุด" แต่ควรจะมุ่งไปสู่ "ความเก่งกว่าเดิม" คำว่า "เก่งที่สุด" เปรียบเสมือน "กรอบ" ท...

Post#2-355: เตรียมตัวไป Outing

Post#2-355: เช้านี้ผมมีโอกาสได้คุยกับลูกน้อง เรื่องการเตรียมตัวสำหรับงาน Outing ของบริษัทฯ ซึ่งจะมีขึ้นในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า เมื่อคุยถึงเรื่อง Outing โดยหลักใหญ่ใจความแล้ว น้องๆ ก็คงอยากไปสนุกสนานร่วมกัน ในขณะที่นายๆ ทั้งหลายก็อยากให้ได้อะไรกลับมามากกว่าแค่ความสนุกแต่เพียงอย่างเดียว แต่ที่ทั้งเด็กๆ และนายๆ ต่างก็มีเป้าหมายร่วมกันในการตั้งเป้าที่จะสร้างความทรงจำที่ดีให้แก่กัน ... คราวนี้การจะ Fine Tune ให้เกิดสมดุลย์ระหว่างความสนุกของน้องๆ และความคาดหวังของนายน่ะ ถือเป็นความท้าทายของผู้เตรียมงานอย่างแท้จริง ผมว่าอย่างกลางๆ ในฐานะนายที่เคยเป็นลูกน้องมาก่อน ก็เห็นด้วยอย่างที่สุดว่า งานลักษณะนี้ ต้องนำด้วยความสนุกสนานเป็นหลัก ส่วนเนื้อหาที่อยากจะสื่อสารนั้นน่ะ ควรอยู่ในลักษณะของการแทรกซึมอยู่ในกิจกรรมต่างๆ ที่ทำจะดีที่สุด ... ความสุขของนายอยู่ที่การได้เห็นทุกคนมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ทำ ได้ใช้เวลาคลุกคลีอยู่กับน้องๆ ที่ถือเป็นอีกครอบครัวหนึ่งของชีวิต ส่วนความสุขของน้องๆ ก็อยู่ที่การได้มาผ่อนคลายความตึงเครียดในงานที่มี และได้มาเจอนายและเพื่อนๆ ในอีกบรรย...

Post#2-353: Live the Life you Love or Love the Life you Live

Post#2-353: เพราะธรรมชาติของคนเรามักไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่มีและสิ่งที่เป็น...ดังนั้น เราจึงยังคงต้องวิ่งวุ่นตามกิเลสกันอยู่ร่ำไป ขึ้นต้นมาแบบนี้ ก็ไม่ได้แปลว่าผมจะชวนให้มาปลงหรือไปลาบวชกันหรอกนะครับ...เพียงแต่ผมไปเจอวาทะหนึ่งที่โดนใจมากอีกแล้ว...เมื่ออ่านแล้วก็เลยอยากชวนทุกท่านอ่านแล้วก็คิดตามไปด้วย... วาทะที่ว่า เป็นของนักร้องชาวจาไมก้าชื่อ Bob Marley ซึ่ง Bob ว่าไว้อย่างนี้ครับ... "Live the Life you Love" or "Love the Life you Live" แปลว่า "ใช้ชีวิตในแบบที่เรารัก" หรือ "รักวิถีชีวิตที่เรามี" ว่าแต่ว่า แบบไหนถูกต้องกันแน่ล่ะครับ...ลองคิดตามดูครับ ให้เวลา 5 นาทีนะครับ ^^ ... คำตอบของท่านอื่นเป็นยังไงผมไม่ทราบ...แต่สำหรับผมแล้ว เราต้อง  Love the Life you Live ก่อนที่จะสามารถ Live the Life you Love ได้ ถามว่ามีคนโชคดีกี่คนบนโลกกันหนอ ที่ Live the Life you Love ได้ทันทีที่ต้องการ? เมื่อมีเป้าหมายที่อยากจะ Live the Life you Love  จึงต้องทำงานหนักและมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงจุดนั้นให้ได้ และเพื่อเป้าหมายที่ว่า...เส้นทา...

Post#2-354: Dirty Feet

Post#2-354: บ่อยครั้งที่ชีวิตเรามักเจอผู้คนรอบข้างบั่นทอนกำลังใจ...บ้างอาจโดยความตั้งใจ และบ่อยครั้งโดยที่พวกเค้าอาจไม่รู้ตัว ตราบเท่าที่เรายังอยู่ในวัฏสงสาร เราก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการกระทบจากผู้อื่นได้ หากแต่เราสามารถเลือกที่จะ "ถือสา" หรือ "หาความ" จากการกระทบนั้น หรือไม่...นั่นเป็นสิทธิ์ของเรา ... ความจริงการไม่ปล่อยอารมณ์ของเราให้ตื่นเพริดไปกับสิ่งกระทบใดๆ นั้น เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับปุถุชนทั่วไป ดังนั้น เมื่อเรารู้เท่าทันอารมณ์ของเราว่า เรื่องอะไรก็ตามที่รับรู้หรือรับฟังมาแล้วจะทำให้ใจไม่เป็นสุข เราก็สามารถเลือกที่จะเชิญความไม่สบายใจนั้นออกไปจากหทัยประเทศของเราได้ (อิอิ คำแอบ "ลิเก") ผู้ที่จะทำหน้าที่เชิญความไม่สบายใจนั้นออกไปได้ดีที่สุดนั้น ไม่ใช่ใคร หากแต่เป็น "สติ" ของเรา นั่นเอง ... เกี่ยวกับเรื่องนี้ เอกบุรุษของโลกท่านหนึ่ง ก็เคยมอบวาทะเตือนใจชาวโลกไว้ว่า "I will not let anyone walk through my mind with their dirty feet." แปลว่า "ข้าพเจ้าจะไม่มีวันยอมให้มีใครมาเดินย่ำห...

Post#2-352: ทำงานไปทำไม?

Post#2-352: เมื่อหัวค่ำนี้เอง ผมนั่งประชุมงานอยู่กับหุ้นส่วนท่านหนึ่ง สมมติว่าชื่อพี่ A ก็แล้วกันนะครับ ตอนหนึ่งของการสนทนา พี่ A พูดว่า "ผมเห็นคุณทำงานหลายอย่างมาก ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง? นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีใครถามผมแบบนี้...และแน่นอนว่า คำตอบของผมก็คือ "เหนื่อยครับ" นั่นสิ...ก็ในเมื่อเหนื่อย แล้วจะทำงานเยอะแยะไปทำไมกันนะ? ... ผมเชื่อว่า หลายๆ คนก็คงเคยตั้งคำถามแบบนี้กับตัวเองอยู่บ้างบางครั้ง... หลายคนไม่มีทางเลือกของชีวิตมากนัก...ต้องลำบากสายตัวแทบขาด เพื่อให้มีเงินมายังชีพ ทั้งเลี้ยงตัวเองและเลี้ยงครอบครัว แต่ทำไมผู้มีอันจะกินทั้งหลาย...ต้องบอกว่านับคนแทบไม่ถ้วน ก็ยังคงเหนื่อยอยู่ทุกวัน ไม่เห็นไปใช้ชีวิตเสวยสุขเลยล่ะ? ย้ำตรงนี้ก่อนว่า ผมอยู่ในกลุ่มคนที่อยู่ตรงกลางระหว่างคนที่ต้องเหนื่อยยากกลุ่มแรกและกลุ่มคนที่มั่งมีกลุ่มหลัง...และแน่นอน ผมก็ยังต้องเหนื่อยทำงานทุกวันอย่างที่ว่า ... ผมเชื่อว่า แต่ละกลุ่มแต่ละคน ต่างก็มีเหตุผลที่ต้องทำงานที่แตกต่างกันออกไป ต่างก็มีเหตุผลที่ต้องเหนื่อยยากที่ไม่เหมือนกัน แต่ลึกๆ แล้วผมเชื่อว่า ...

Post#2-351: ถ้ารู้สึกตัวแล้ว...รออะไรอยู่ล่ะครับ?

Post#2-351: แน่นอนว่าทุกคนรู้ดี ว่าการแข่งขันที่สำคัญที่สุดก็คือการแข่งขันกับตัวเอง...แม้จะรู้อย่างนั้น เราก็อดไม่ได้ที่จะแข่งกับคนอื่น หรือเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นอยู่นั่นเอง ตราบเท่าที่การเปรียบเทียบกับคนอื่นนั้น ยังอยู่ในของเขตของ "ความอิจฉา" ไม่ใช่ "ความริษยา" ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่รับได้ แต่จะว่าไป...ใครจะอิจฉาหรือใครจะริษยาใคร ผมคงไปห้ามไม่ได้ และว่ากันที่จริงแล้วก็คงไม่ใช่เรื่องที่ผมจะไปยุ่งเกี่ยวด้วย ... ว่าแล้วก็ชวนทุกท่านมาสนทนากันต่อในเรื่องของการแข่งขันกับตัวเองจะดีกว่า... คงไม่ต้องบอกใช่มั๊ยครับ ว่าจะแข่งกับตัวเองได้ ก็ต้องตั้งเป้าให้ชัดเจนก่อน...มองออกมั๊ยครับ ว่าอีก 5 ปี หรือ 10 ปีข้างหน้า เราอยากเป็นอะไร, ทำอะไร และอยู่ยังไง? ขับรถไปหัวหิน แล้วแวะพักชมนกชมไม้กลางทางแล้วก็มุ่งหน้าต่อ กับขับรถไปเรื่อยๆ เห็นอะไรตามรายทางก็แวะน่ะ มันต่างกันมากนะครับ ... นอกจากเราจะต้องเลือกทำอะไรสักอย่างในวันนี้ ที่ตัวเราในอนาคตต้องขอบคุณแล้ว  (ลองอ่าน Post#333 และ Post#2-32 ประกอบนะครับ)  เรายังจำเป็นต้องถามตัวเองด้วยประโยคนี้ด้วย ...

Post#2-350: เรียนรู้จาก "Inside Out"

Post#2-350: ครอบครัวของผมชอบดูหนังกันอยู่ไม่น้อย...โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังของ Disney ด้วยแล้ว เราไม่ค่อยจะพลาด อย่างเมื่อบ่ายแก่ๆ ที่ผ่านมา ผมก็เพิ่งพานางฟ้าตัวน้อยกับนางฟ้าตัวแม่ ไปดูหนังมา ^^ ผมชอบดูหนัง...เพราะหนังทำให้เราพักสมองและพักใจ รวมไปถึงถอดจิตของเราให้ออกจากโลกแห่งความจริงชั่วคราว แม้ว่างานอดิเรกอื่นๆ จะทำได้คล้ายๆ กัน แต่จากประสบการณ์ของผมแล้ว...หนังจะมีพลานุภาพสูงสุด ที่สำคัญ...ผมว่าหนังมีส่วนช่วยเติมต่อจินตนาการของเราได้มากจริงๆ ... สำหรับผมแล้ว การ พาตัวเองออกสู่โลกแห่งความจริงไปชั่วขณะนั้น ถือเป็นกลไกป้องกันตนเองอย่างหนึ่งของมนุษย์ ซึ่งช่วยให้ความตึงเครียดต่างๆ ได้ถูกลดทอนลงบ้าง เปรียบไปแล้ว การพาจิตออกจากโลกแห่งความจริง...ไปสู่โลกแห่งจินตนาการหรือโลกแห่งความฝันบ้าง จึงนับเป็นการพา "จิต" ของเราไปพักร้อน เหนื่อยกาย...ต้องพักจึงจะหาย ก็แปลว่า ถ้าเหนื่อยใจ...จึงต้องพักบ้างเช่นกัน ... ย้อนกลับไปที่หนังที่ผมไปดูมาเมื่อพักใหญ่ๆ ที่ว่า...ผมไปดูเรื่อง "Inside Out" มาครับ ^^ เพื่อไม่ให้ Spoil ผมคงไม่แตะในส่วนของเนื...

Post#2-349: คำถามเปิดกว้าง...คำตอบกว้างกว่า

Post#2-349: เที่ยงนี้ผมมีนัดทานข้าวเที่ยงกับเพื่อนๆ แถวๆ ใจกลางกรุงเทพฯ ส่วนมากเวลานัดทานข้าวกัน ผมชอบที่จะเป็นฝ่ายลุ้น...คือปล่อยให้เพื่อนๆ เลือกกันเอง ส่วนผมรอลุ้นว่าร้านที่เลือกไปกันนั้น จะอร่อยมั๊ย? ถือเป็นโชคดีของผมที่ส่วนมากของการลุ้นนั้น เป็นผลบวก...คืออร่อย ... แต่หลายคนมักไม่โชคดีอย่างผม ตรงที่ว่าบางครั้งกว่าจะตกลงใจกันได้ว่าจะไปกินอะไรกันดี กลายเป็นเรื่องน่าปวดหัวได้อย่างไม่น่าเชื่อ คิดว่าเราคงคุ้นกับคำถามว่า "จะไปกินอะไรกันดี" และ คำตอบประมาณว่า "อะไรก็ได้" ว่าแล้วทั้งคนถามและคนตอบก็ต่างคนต่างยิ้ม...ประมาณว่าแกถามอะไร และแกตอบอะไรของแก ^^ ... เมื่อเราถามคำถามปลายเปิด...เราจึงมักได้คำตอบแบบไม่จำเพาะเจาะจง และนำไปสู่ความยุ่งยากในระดับต่อๆ ไป ถ้าเป็นเรื่องขำๆ แบบเลือกร้านอาหารก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นเรื่องงานแล้วล่ะก็...รับรองเราจะขำไม่ค่อยออก เพราะแปลว่างานนั้นจะไม่ค่อยคืบหน้า ค่าที่ต้องมาเสียเวลาสาธยายกันอยู่นั่นเอง คนตั้งคำถามจำเป็นต้องกำหนดขอบเขตในการถาม ในขณะเดียวกันคนตอบก็ต้องให้ความร่วมมือด้วยเช่นกัน ... ...

Post#2-348: หัดดูแลเพื่อนบ้านกันบ้าง

Post#2-348: ก่อนเลิกงานวันนี้ มีเหตุให้ผมต้องโมโหเป็นฟืนเป็นไฟเป็นอย่างมาก...เหตุเกิดจากลูกน้องไม่ได้ทำงานตามนโยบายและขั้นตอนการทำงานที่เคยตกลงกันเอาไว้ ว่ากันตามตรง ดูเหมือนเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่ผมไม่ค่อยจะยอมปล่อยวางเอาซะเลย...ค่าที่ทุกครั้งที่เกิดเรื่องแบบนี้ คนหมู่มากมักต้องเป็นผู้รับเคราะห์โดยที่คนปล่อยให้เกิดเรื่อง ไม่ได้เป็นคนที่เดือดร้อนด้วย จนถึงขณะที่ผมนั่งพิมพ์โพสต์นี้อยู่ เวลาก็ผ่านมากว่า 6 ชั่วโมงแล้ว แต่สารภาพว่าผมก็ยังหงุดหงิดกับเรื่องนี้อยู่ ... เป็นเรื่องน่าเศร้าที่บางครั้งบางคราว คนในองค์กรบางคนก็คิดน้อยเกินไปหน่อย ทำให้ความเสียหายที่ว่าเกิดขึ้น เมื่อตัวเองรู้สึกว่างานที่ทำไม่เสร็จหรือค้างๆ คาๆ นั้น ไม่ได้ส่งผลอะไรให้กับตัวเอง ก็พลอยนิ่งเฉยเสีย...ปล่อยให้มันผ่านไป ส่วนคนที่ได้รับผลกระทบ...บางครั้งก็กลัวการกระทบกระทั่งจนเกินไป เลยเลือกที่จะต้องกล้ำกลืนฝืนทน, ยอม suffer ทั้งที่ไม่ควรจะยอม ... ผมชิงชังการทำงานแบบ "กวาดความสกปรกออกไปให้พ้นหน้าบ้านตัวเอง" เพราะคนกวาดมักจะลืมไปว่า ตอนที่กวาดออกไปนั้นน่ะ ไปทำให้หน้าบ้านคนอื่นสกปร...

Post#2-347: Speak & Listen

Post#2-347: ศิลปะแห่งการพูดและการฟังนั้น ถือเป็นความท้าทายหนึ่งที่ทุกผู้คนบนโลกล้วนต้องลองตั้งคำถามตัวเองดูสักครั้ง ทำไมเรารู้สึกชอบคุยกับคนนี้ แล้วทำไมเราถึงไม่อยากคุยกับคนนั้น หรือบางครั้งชอบฟังคนโน้นเล่าเรื่อง? การจะได้รับความยอมรับจากใครสักคนนั้น ทั้งการพูดและการฟังล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งสำคัญที่เรามิอาจละเลยได้จริงๆ ... ฝรั่งเองก็มีวาทะเตือนใจเกี่ยวกับเรื่องการพูดและการฟังอยู่เหมือนกันครับ...ซึ่งอ่านดูแล้วมันแสนจะเรียบง่าย แต่อาจกินเวลาชั่วชีวิตที่จะทำให้ได้...เค้าว่าไว้อย่างนี้ครับ "Speak in such a way that others love to listen to you. Listen in such a way that others love to speak to you." แปลว่า "จงพูดในแบบที่ผู้อื่นอยากจะฟังเราพูด และจงฟังในแบบที่ผู้อื่นสบายใจที่จะพูดให้เราฟัง" ... ยังไงก็ตามแต่ ผมก็อยากฝากให้ตีความวาทะข้างต้นให้ดีนะครับ...วาทะนี้ไม่ได้สอนให้เราหลอกลวง, ไม่จริงใจ หรือว่าตีสองหน้า...แต่เค้ากำลังบอกให้เราต้องใช้ศิลปะในการอ่านผู้คนต่างหาก เพราะเมื่อเราต้องเจอกับผู้คนร้อยพ่อพันแม่, วิธีคิดต่างกัน, พื้นเพต่างกั...

Post#2-346: ทำมากกว่าหน้าที่...เรียกว่า "มีน้ำใจ"

Post#2-346: เช้าวันนี้ ผมมัวแต่วุ่นๆ วายๆ กับการแก้ปัญหาสินค้าไม่พอส่งลูกค้า ต้องเรียกประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรวมไปถึงโรงงานที่เราจ้างผลิตด้วย...เป็นที่อึกทึกครึกโครมและเคร่งเครียดพอดู ฟังดูเหมือนว่า จะขายสินค้าดีจนส่งไม่ทัน แต่แท้ที่จริงมันเป็นผลพวงมาจากการขาดการประสานงานระหว่างทีมขายและทีมผลิต สุดท้ายก็ทำให้ทั้งบริษัทฯ ต้องโดนลูกค้าต่อว่า ซึ่งผมได้แต่เชิดหน้าและยืดอกรับผิด เพราะเป็นความผิดพลาดแบบปลาตายน้ำตื้น ซึ่งคนที่น่าตำหนิที่สุด ก็คงไม่ใช่ใคร...นอกจากตัวผมเอง ... หลังจากวางแนวทางแก้ปัญหาเรียบร้อย ผมก็ต้องขอความช่วยเหลือจากทีมงานทุกส่วน เพื่อระดมกำลังไปช่วยโรงงานที่เราว่าจ้างด้วย แม้บริษัทของผมจะผิดพลาดกับแผนการผลิต แต่ก็ยังนับว่าโชคดีอยู่บ้าง ที่ทีมงานทุกคนเข้าใจและยอมยื่นมือมาช่วย...ว่าแล้วทีมผมกว่า 15 ชีวิต ก็มุ่งหน้าตรงไปที่โรงงานโดยทันที กว่าเราจะเลิกงานในค่ำคืนนี้ ก็คงเกินกว่า 4 ทุ่มไปแล้ว โดยที่พรุ่งนี้อีกวันและคืนเต็มๆ ที่เราก็ต้องระดมกำลังมาทำงานร่วมกับโรงงานอีก ... สำหรับผมแล้ว ทั้งหมดทั้งมวลที่แก้ปัญหาในครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบที่เรามี...

Post#2-345: Stronger Together

Post#2-345: ตั้งแต่คืนวันวานจนกระทั่งสายๆ ของวันนี้ ผมได้รับข้อความแสดงความห่วงใยมาจากเพื่อนชาวต่างชาติมากมายหลายต่อหลายท่าน ข่าวการระเบิดที่ราชประสงค์เมื่อค่ำวาน ซ้ำร้ายกับเหตุระเบิดที่ท่าเรือสะพานสาทรเมื่อช่วงบ่าย ทำให้ประเทศของเรา กลายเป็นที่ถูกจับตามองมากที่สุด เพื่อนต่างชาติของผมหลายคนอีกเช่นกัน ถามผมว่าเกิดอะไรขึ้น...ซึ่งผมได้แต่จนปัญญาที่จะตอบ ได้แต่เล่าให้พวกเค้าฟังว่า สาเหตุที่ได้รับฟังมามีหลากหลาย และผมก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ... ท่ามกลางความวุ่นวายแบบนี้ ผมเองก็มีแต่ความสงสัยอยู่เต็มไปหมด และได้แต่ตั้งสมมติฐานไปต่างๆ นาๆ เมื่อคืนหลังประชุม ผมกับเพื่อนก็ถกกันอยู่พักนึงว่า สาเหตุเกิดจากอะไรกันแน่ เราก็ได้แต่วิเคราะห์วิจารณ์ แล้วก็ฟันธงตามประสาของเราว่า มันน่าจะเป็นเหตุนั้น นู้น นี้...แน่นอนว่ามันก็เป็นแค่การคาดเดาโดยไม่มีหลักฐาน แต่ที่สุดแล้ว จนถึงวินาทีนี้ ความจริงก็ยังไม่ปรากฏชัด ทราบแต่เพียงว่ามีการจับภาพของผู้ต้องสงสัยไว้ได้ แต่ทุกอย่างก็ยังอยู่ในความดำมืดของการตั้งข้อสงสัย...ก็เท่านั้น ... ตลอดทั้งวันของวันนี้ ข่าวจ...