Post#2-331:
เป็นเรื่องธรรมดาสามัญมากกับการที่ใครสักคนจะลาออกจากงานที่ทำอยู่
แต่เป็นเรื่องต้องคิดเยอะๆ ว่าการลาออกนั้น เป็นไปด้วยความสง่างามเพียงใด?
ถ้าลาออกแบบขาดความรับผิดชอบ ละทิ้งงานกลางคัน...แบบนี้ก็แย่หน่อย เพราะจะมีแต่เสียงก่นด่าตามหลัง
แต่ถ้าลาออกแบบมีหลายคนอยากไปเลี้ยงส่ง หรือมีหลายคนร่ำลาอาลัย...แบบนี้แสดงว่าได้เคยสร้างความทรงจำดีๆ ไว้ให้คนอื่นจดจำ
...
บางคนไม่ได้ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน เช้ามาทำงาน เย็นกลับบ้าน...แม้จะเป็นพนักงานที่ทำงานดี แต่กลับเป็นเพื่อนร่วมงานที่แย่
และก็ใช่ว่าเราจะต้องไปไหนมาไหนตัวติดกับเพื่อนร่วมงานเป็นตังเม พอเราไม่ไปด้วยเค้าก็โกรธ แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
บางคนเน้นแต่จะสร้างสัมพันธภาพระหว่างผู้คน แต่ไม่ค่อยสร้างผลงานใดๆ...แม้จะเป็นเพื่อนร่วมงานที่น่ารัก แต่ก็เป็นพนักงานที่แย่หน่อย
แต่ก็ใช่ว่าเราจะต้องสร้างสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ด้วยการช่วยเค้าทำอะไรที่ผิดๆ นะครับ แบบนั้นมันก็คนละเรื่องกัน
...
ดังนั้นสิ่งสะท้อนว่า ที่ผ่านมาเราเป็นพนักงานและเพื่อนร่วมงานที่ดีพอหรือไม่ จึงต้องมองย้อนกลับไปถึงสิ่งที่เราทำไว้ในอดีต
หากสร้างความดีไว้ ยามจะจากไปทั้งนายและเพื่อนร่วมงาน ต่างต้องอาลัยและอาวรณ์...แต่ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นที่ชื่นชมของนายและไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนร่วมงาน ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องทำให้วันสุดท้ายที่ทำงานในที่ใดๆ ต้องกลายเป็นอีกหนึ่งวันที่ไม่น่าจดจำ
คนเรามักให้ความสำคัญกับวันที่แรกพบ แต่มักไม่ค่อยใส่ใจกับวันที่ลาจาก...แท้ที่จริงแล้ว ให้ความสำคัญกับการแรกพบเท่าไร ควรต้องเพิ่มความสำคัญนั้นเป็นเท่าทวีในยามจากลา
...
ทำไมจึงต้องเป็นเช่นนั้นหรือครับ?
ผมเชื่อว่าทุกคนต้องเคยดูหนังหรือดูละคร...ถามว่า ถ้าเราจะสรุปว่าหนังหรือละครนั้นๆ จะเป็น Happy Ending หรือ Tragedy เราดูกันตอนไหน?
คำตอบย่อมเป็นตอนจบของเรื่องครับ...
...
ถ้าวันหนึ่งที่นึกถึงเพื่อนร่วมงานเก่า หรือมีใครมาถามถึงที่ทำงานเก่าของเรา...เราอยากให้มันเป็นเรื่องสุขหรือเรื่องเศร้า?
หรือถ้าวันหนึ่ง ให้บังเอิญทางชีวิตต้องไป cross กับใครในอดีตนั้น ขึ้นมาอีกครา...ถึงตอนนั้นเราจะมีรอยยิ้มที่ได้เจอคนคุ้นเคย หรือกลายเป็นสีหน้าปั้นปึ่งเพราะเจอโจทก์เก่าดี?
"อยู่ให้ไว้ใจ...ไปให้คิดถึง" ก็สรุปสั้นๆ ไว้แบบนี้ล่ะครับ
Comments
Post a Comment