Post#2-349:
เที่ยงนี้ผมมีนัดทานข้าวเที่ยงกับเพื่อนๆ แถวๆ ใจกลางกรุงเทพฯ
ส่วนมากเวลานัดทานข้าวกัน ผมชอบที่จะเป็นฝ่ายลุ้น...คือปล่อยให้เพื่อนๆ เลือกกันเอง ส่วนผมรอลุ้นว่าร้านที่เลือกไปกันนั้น จะอร่อยมั๊ย?
ถือเป็นโชคดีของผมที่ส่วนมากของการลุ้นนั้น เป็นผลบวก...คืออร่อย
...
แต่หลายคนมักไม่โชคดีอย่างผม ตรงที่ว่าบางครั้งกว่าจะตกลงใจกันได้ว่าจะไปกินอะไรกันดี กลายเป็นเรื่องน่าปวดหัวได้อย่างไม่น่าเชื่อ
คิดว่าเราคงคุ้นกับคำถามว่า "จะไปกินอะไรกันดี" และคำตอบประมาณว่า "อะไรก็ได้"
ว่าแล้วทั้งคนถามและคนตอบก็ต่างคนต่างยิ้ม...ประมาณว่าแกถามอะไร และแกตอบอะไรของแก ^^
...
เมื่อเราถามคำถามปลายเปิด...เราจึงมักได้คำตอบแบบไม่จำเพาะเจาะจง และนำไปสู่ความยุ่งยากในระดับต่อๆ ไป
ถ้าเป็นเรื่องขำๆ แบบเลือกร้านอาหารก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นเรื่องงานแล้วล่ะก็...รับรองเราจะขำไม่ค่อยออก เพราะแปลว่างานนั้นจะไม่ค่อยคืบหน้า ค่าที่ต้องมาเสียเวลาสาธยายกันอยู่นั่นเอง
คนตั้งคำถามจำเป็นต้องกำหนดขอบเขตในการถาม ในขณะเดียวกันคนตอบก็ต้องให้ความร่วมมือด้วยเช่นกัน
...
คราวหน้าลองตั้งคำถามใหม่ว่า "จะกินร้าน A หรือร้าน B ดี?" ถ้าเพื่อนตอบว่า "ร้าน C" ก็ตามใจเพื่อน แต่ถ้าเพื่อนยังตอบว่า "อะไรก็ได้" อีก เราก็เลือกให้เลยครับ ระหว่าง 2 ร้านนั่นแหละ
คราวหน้าเวลาตั้งคำถามเจ้านายในเรื่องงาน ลองถามใหม่ว่า "ระหว่างแผน A กับแผน B พี่จะเลือกแผนไหนดีคะ?" แทนที่จะไปถามว่า "พี่จะวางแผนยังไงดีคะ?"
คนที่ถามแบบแรก...แสดงถึงการทำงานเชิงรุก ส่วนคนที่ถามคำถามแบบหลัง...แสดงว่ายังอีกไกลกับการได้เลื่อนขั้น
อ้าว! ขึ้นต้นเรื่องกิน ไหงจบด้วยเรื่องงานได้เนี่ย...
Comments
Post a Comment