Post#2-340:
เป็นเรื่องที่ผมวิตกมาตั้งแต่ต้นปี และหลีกเลี่ยงความจริงไม่ได้ว่า...ผมกำลังจะเยื้องกรายเข้าสู่เขตหลักสี่ในช่วงปลายปีนี้แล้ว
เป็นเรื่องที่ผมวิตกมาตั้งแต่ต้นปี และหลีกเลี่ยงความจริงไม่ได้ว่า...ผมกำลังจะเยื้องกรายเข้าสู่เขตหลักสี่ในช่วงปลายปีนี้แล้ว
จริงๆ ผมไม่ได้กลัวความแก่...แต่แค่กลัวความเคว้งคว้าง...เป็นปีที่ผมเฝ้าถามตัวเองมากที่สุดว่า ตกลงตอนนี้ชีวิตเป็นชิ้นเป็นอันบ้างมั๊ย?
ผมถามคำถามนี้ ซ้ำไปซ้ำมา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...ตกลงว่า ปลายทางของชีวิตนั้น ผมต้องการอะไรกันแน่?
เป้าหมายที่เคยตั้งไว้...ถึงจุดนี้แล้ว ยังใช่อยู่หรือเปล่าหนอ?
...
เมื่อวานนี้ก็เป็นวันรวมญาติอีกวันหนึ่งของผม...ในช่วงปีหลังๆ นี้ ทุกคนจะมารวมตัวทานกลางวันด้วยกัน ก่อนจบรายการด้วยการร้องเพลงค่าน้ำนมให้อาม่า (หรือคุณย่า) ฟัง...
ผมเองก็ได้คุยกับญาติผู้น้องคนหนึ่ง ซึ่งปีนี้หนุ่มน้อยก็อยู่ปี 3 แล้ว...และเค้าก็ถามผมด้วยสีหน้ากังวลประมาณนึงว่า ยังไม่รู้ว่าจะทำงานอะไรดี ที่เรียนอยู่ก็ไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่ถึงกับต่อต้าน
เค้ารู้สึกว่า เป้าหมายชีวิตมันไม่ชัด ยังตอบไม่ได้ว่าอยากทำอะไร...รู้แต่ว่าที่เรียนอยู่น่ะ ไม่ใช่แน่ๆ เพราะไม่ตอบ passion ตัวเองเอาซะเลย
และเมื่อเค้าพลาดตอนเลือกเรียนในสิ่งที่ไม่ได้ชอบตอนปริญญาตรี...เค้าจะไม่พลาดอีกตอนเรียนปริญญาโท
...
บางครั้งการลังเลในเป้าหมาย ก็สร้างความลำบากใจได้ไม่น้อยไปกว่าการไม่มีเป้าหมาย...
การลังเลในเป้าหมาย...ก็อารมณ์เหมือนตั้งใจว่าจะไปทานข้าวร้าน A แล้วก็มุ่งหน้าไป...แต่แล้วจู่ๆ ก็เดินผ่านป้ายโฆษณาร้าน B, ได้ยิน spot วิทยุของร้าน C หรือไม่ก็ได้รับใบปลิวของร้าน D, ฯลฯ
สุดท้ายเลยกลายเป็นตัดสินใจไม่ได้อยู่พักใหญ่ๆ ว่าจะเลือกร้านไหนดี?
ส่วนการไม่มีเป้าหมาย...ก็อารมณ์เหมือนจะหาร้านสำหรับมื้อกลางวัน แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะทานร้านไหนดี? ว่าแล้วก็ไปตายเอาดาบหน้า...ประมาณนั้น
ทั้ง 2 แบบ ให้ผลลัพธ์คล้ายๆ กัน คือทำให้เราหลงทางและมึนกับชีวิตได้มากพอดู
...
ดังนั้น มันจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนที่ไม่เคยมีเป้าหมายที่ชัดเจน...ชีวิตต้องชัด เพื่อที่จะได้รู้ว่าจะตั้งเข็มชีวิตไปทางไหน
และแม้เราจะตั้งเป้าหมายไว้ชัดแล้ว...เราก็ไม่อาจละเลยที่จะทบทวนชีวิตตัวเองดูบ้าง...เพื่อที่จะได้มั่นใจได้ว่า เป้าหมายที่เราเคยคิดว่า "ชัด" นั้นน่ะ
...จริงๆ แล้ว ยังชัดอยู่มั๊ย? หรือยังใช่รึเปล่า?
Comments
Post a Comment