Post#3-179:
ผมเชื่อว่า เราต่างก็เจอเหตุการณ์ที่ทำให้กระอักกระอ่วนหรือกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกกับการต้องทำงานร่วมกับเพื่อนสนิทกันมาบ้างนะครับ
แน่นอนว่า ผมเองก็เจอ...แล้วยิ่งถ้าเป็นธุรกิจครอบครัว หรือกงสี ย่อมเจอปัญหาแบบนี้ไม่เว้นแต่ละวัน
เวลาเจอเหตุที่แนวทางในการทำงานไม่ตรงกัน...เรารับมือกับมันยังไงครับ?
ผมให้เวลานึกตามดูครับ ^^
...
สำหรับผม เวลาทำงานกับเพื่อนหรือคนที่สนิทมากๆ แล้วเจอประเด็นที่ทำให้งานไปต่อไม่ได้ ผมไม่เคยลังเลเลยครับ ที่จะขอคุยกัน
เพราะถ้าไม่สุดๆ จริงๆ แล้วล่ะก็ ผมก็เลือกวิธีถนอมน้ำใจเพื่อนไว้ก่อนเหมือนกันครับ...ก็คนรักๆ ชอบๆ กันขนาดนี้ ถ้ารักษาน้ำใจกันได้ ก็คงดีกว่าแน่ๆ ล่ะครับ
แต่ถ้ามัวแต่รักษาน้ำใจกัน เกรงใจกัน จนทำให้งานไม่ไปข้างหน้า...ผมก็ว่า มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องแน่ๆ
สุดท้ายแล้ว ก็มีแต่ต้องเปิดใจถกกันเท่านั้น
...และถ้าเปิดใจคุยกันแล้ว ก็ยังหาจุดลงตัวหรือตกลงกันไม่ได้...ผมก็ไม่เคยลังเลที่จะเลือกวิธี "หยุด...เพื่อไปต่อ" ครับ
...
ลงถ้าผมจะเลือกทำงานหรือร่วมหุ้นกับใครก็ตาม นั่นแปลว่า ผมต้องชอบนิสัยใจคอหรือพอใจฝีมือเค้าคนนั้นมากอยู่
แต่ก็ใช่ว่าทุกคนที่ว่า จะเหมาะเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกับเรา...และก็อาจถึงคราวที่จะต้องเลือกระหว่าง "มิตรภาพ" หรือ "ธุรกิจ"
ถ้าผมเป็นคนเริ่มธุรกิจ ผมจะขอให้อีกฝ่ายถอย เพื่อให้เราเป็นเพื่อนกันได้ แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นฝ่ายเริ่ม ผมยินดีถอย เพื่อให้มิตรภาพยังคงอยู่
หยุด...เพื่อไปต่อ จึงเป็นการหยุดความขัดแย้ง เพื่อให้มิตรภาพยังคงอยู่ และธุรกิจเดินหน้าไปได้ครับ
แม้ว่าจะ "น้ำเน่า" ไปบ้าง แต่สำหรับผมแล้ว...มิตรภาพระหว่างเพื่อนมีค่ากว่าการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ ครับ
ผมเชื่อว่า เราต่างก็เจอเหตุการณ์ที่ทำให้กระอักกระอ่วนหรือกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกกับการต้องทำงานร่วมกับเพื่อนสนิทกันมาบ้างนะครับ
แน่นอนว่า ผมเองก็เจอ...แล้วยิ่งถ้าเป็นธุรกิจครอบครัว หรือกงสี ย่อมเจอปัญหาแบบนี้ไม่เว้นแต่ละวัน
เวลาเจอเหตุที่แนวทางในการทำงานไม่ตรงกัน...เรารับมือกับมันยังไงครับ?
ผมให้เวลานึกตามดูครับ ^^
...
สำหรับผม เวลาทำงานกับเพื่อนหรือคนที่สนิทมากๆ แล้วเจอประเด็นที่ทำให้งานไปต่อไม่ได้ ผมไม่เคยลังเลเลยครับ ที่จะขอคุยกัน
เพราะถ้าไม่สุดๆ จริงๆ แล้วล่ะก็ ผมก็เลือกวิธีถนอมน้ำใจเพื่อนไว้ก่อนเหมือนกันครับ...ก็คนรักๆ ชอบๆ กันขนาดนี้ ถ้ารักษาน้ำใจกันได้ ก็คงดีกว่าแน่ๆ ล่ะครับ
แต่ถ้ามัวแต่รักษาน้ำใจกัน เกรงใจกัน จนทำให้งานไม่ไปข้างหน้า...ผมก็ว่า มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องแน่ๆ
สุดท้ายแล้ว ก็มีแต่ต้องเปิดใจถกกันเท่านั้น
...และถ้าเปิดใจคุยกันแล้ว ก็ยังหาจุดลงตัวหรือตกลงกันไม่ได้...ผมก็ไม่เคยลังเลที่จะเลือกวิธี "หยุด...เพื่อไปต่อ" ครับ
...
ลงถ้าผมจะเลือกทำงานหรือร่วมหุ้นกับใครก็ตาม นั่นแปลว่า ผมต้องชอบนิสัยใจคอหรือพอใจฝีมือเค้าคนนั้นมากอยู่
แต่ก็ใช่ว่าทุกคนที่ว่า จะเหมาะเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกับเรา...และก็อาจถึงคราวที่จะต้องเลือกระหว่าง "มิตรภาพ" หรือ "ธุรกิจ"
ถ้าผมเป็นคนเริ่มธุรกิจ ผมจะขอให้อีกฝ่ายถอย เพื่อให้เราเป็นเพื่อนกันได้ แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นฝ่ายเริ่ม ผมยินดีถอย เพื่อให้มิตรภาพยังคงอยู่
หยุด...เพื่อไปต่อ จึงเป็นการหยุดความขัดแย้ง เพื่อให้มิตรภาพยังคงอยู่ และธุรกิจเดินหน้าไปได้ครับ
แม้ว่าจะ "น้ำเน่า" ไปบ้าง แต่สำหรับผมแล้ว...มิตรภาพระหว่างเพื่อนมีค่ากว่าการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ ครับ
Comments
Post a Comment