Skip to main content

Post#3-206: หมดไฟ

Post#3-206:
ใครที่เป็นเจ้าของกิจการหรือผู้บริหารระดับสูง อาจจะเคยเจอประสบการณ์ "ลูกน้องหมดไฟ" กันมาบ้างนะครับ

ต้องบอกว่าเรื่องนี้เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งขององค์กร...เป็น Paradox ที่น่าชวนหัวเรื่องหนึ่ง

ด้วยเพราะส่วนใหญ่ Salary Man และ Office Lady ทั้งหลายนั้น ต่างก็ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ขี้เบื่อด้วยเช่นกัน

....

ถามว่า เวลาเจออาการลูกน้องหมดไฟที่ว่านี้แล้ว มีวิธีแก้ไขยังไงบ้าง?

ผมตอบแบบกำปั้นทุบดินเลยครับ ว่า "ไม่ทราบ"

เพราะสาเหตุที่ทำให้พวกเค้า "หมดไฟ" นั้น เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ...และแต่ละสาเหตุล้วนมีที่มาและวิธีแก้ที่ต่างกันไป

ผมบอกได้แต่เพียงคร่าวๆ ว่า อาการ "หมดไฟ" นั้น เกิดขึ้นจากเพียง 2 สาเหตุใหญ่

เหตุแรก เกิดจากการ "เบื่องาน" ส่วนเหตุที่สอง เกิดจากการ "เบื่อคน"

...

หากเป็นเรื่อง "เบื่องาน"...เราพอจะใช้ Job Rotation หรือ Job Enrichment ช่วยได้, หรือมอบหมายงาน Project เล็กๆ ก็พอจะกระตุ้นได้บ้าง

ส่วน "เบื่อคน"...ผมตอบตรงๆ ว่าแก้ยากครับ เพราะไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นมันมาจากตรงไหน ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว พันกันไปหมด

เว้นแต่อาการ "เบื่อคน" ที่ว่า เกิดจากการที่ลูกน้อง "เบื่อเรา"...อันนี้เป็นเรื่องระหว่างเรากับลูกน้อง ที่พอจะแก้ได้

แก้ยังไงดีหรือครับ?

ก็เปิดใจคุยเลยครับ...บางทีมันอาจไม่มีอะไรเลยก็ได้...แค่เราหรือลูกน้อง "คิดมาก" หรือ "คิดไปเอง" ก็แค่นั้น

...

ส่วนถ้าคุณเป็นลูกน้องและกำลัง "เบื่อนาย", พินิจพิเคราะห์ดูแล้ว ว่าความดีของนายที่มีต่อเรานั้น มีน้อยกว่าความเบื่อหน่ายที่เรารู้สึกต่อเค้า

อย่าปล่อยให้มันผ่านไปครับ...เพราะมันทำให้เราไม่มีความสุข และที่สำคัญ มันบั่นทอน passion ในการทำงาน

แล้วก็อย่ามัวแต่คิดอยู่คนเดียว ว่าคุยกับนายไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร...

ถ้าเค้าเป็นนายที่ดี...เค้าจะรับฟังความรู้สึกของคุณอย่างแน่นอน และจากนั้นทั้งคุณและนายควรคุยกันด้วยเหตุและผล...เปิดใจกว้างๆ คุยกัน

แต่ถ้านายของคุณเค้าไม่คิดจะรับฟัง หรือยังไม่เปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำให้คุณเบื่อหน่ายแล้วล่ะก็...

..."นกดีย่อมเลือกกิ่งไม้เกาะ" ครับ

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...