Skip to main content

Post#3-202: ช่างมัน

Post#3-202:
ผมตื่นตั้งแต่ไก่โห่ เพราะตั้งใจจะไปร่วมงานบรรพชาลูกชายเพื่อนรุ่นพี่ท่านหนึ่ง (สมมติว่าชื่อ พี่ A นะครับ)...ความจริงแล้ว ผมไม่ได้รับเชิญ แต่เพื่อนรุ่นพี่อีกท่าน (สมมติว่าชื่อ พี่ B ครับ) โทรมาชวนตั้งแต่เย็นวาน

สอบถามเวลานัด พี่ B บอกว่าไม่ทราบ...ผมก็เลย Line ไปถามพี่ A ซึ่งสงสัยพี่เค้าคงนอนไปแล้ว เลยไม่ตอบ

ผมก็คิดว่า "ช่างมันวะ" ตื่นเช้ามาก็คงรู้เวลาเอง...หลังจากนั้น ผมก็มัวแต่โทรเลื่อนนัดเพื่อนๆ ที่จะไปออกรอบเล่นกอล์ฟด้วยกันให้เป็นที่โกลาหล

...

ตื่นเช้ามา...ดูจากเวลาแล้วผมคิดว่ามันแปลกๆ ที่พี่ A ยังไม่ตอบ...ผมก็เลยลองเข้าไปเช็คกำหนดการใน Website เพราะงานบรรพชานี้ค่อนข้างเป็นงานใหญ่

แล้วก็เป็นอย่างที่ผมสังหรณ์ ก็คืองานมีช่วงบ่าย...กำลังจะยกหูโทรบอกพี่ B ก็ให้พอดีที่พี่ B โทรเข้ามา ว่าถึงวัดแล้ว เลยรีบโทรมาแจ้งผมว่า งานมีช่วงบ่าย (-_-"

...

หลายต่อหลายครั้ง ที่ผมปล่อยให้การ "ช่างมัน" มาทำให้ชีวิตยุ่งเหยิง...เช่นเดียวกับเช้าวันนี้ และผมเชื่อว่า หลายๆ คนก็คงเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เช่นกัน

ถ้าเพียงแต่ ผมไม่คิดว่า "ช่างมันวะ", ผมก็คงจะต้องขวนขวายหาข้อมูลตั้งแต่ตอนที่พี่ B บอกว่า "ไม่ทราบ" แล้ว...แถมผมยังมีโอกาสแก้ตัวอีกครั้ง ตอนที่พี่ A ไม่ตอบ Line อีก

หากผมไม่ปล่อยปละ...นั่นหมายความว่า ผมจะสามารถจัดตารางเวลาของผมในช่วงเช้าและช่วงบ่ายได้อย่างเหมาะสม

...

บ่อยครั้งที่เราละเลยเรื่องที่เราคิดว่ามันเล็กๆ น้อยๆ โดยที่เราลืมประเมินว่า เรื่องเล็กๆ นี้ จะส่งผลอะไรบ้างกับอนาคตข้างหน้า?

หากเป็นแผลเล็กๆ ไม่รีบรักษา...ปล่อยเนิ่นช้าก็กลายเป็นแผลใหญ่ฉันใด

...ปัญหาเล็กๆ ดันมองข้าม ก็ทำให้ลามเป็นปัญหาใหญ่ได้ฉันนั้น ล่ะครับ

"ช่างมัน" นั้น ช่างไม่มันเลยครับ <(-"-)>

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...