Post#3-180:
ช่วงนี้ผมชอบดูรายการ Let Me In Thailand ทางช่อง Workpoint เป็นอย่างมาก...ฉายวันไหน เวลาอะไร ผมจำไม่ได้หรอกครับ เพราะอาศัยดูย้อนหลังทาง Youtube เป็นหลัก
สำหรับผมแล้ว...รายการนี้ ทำให้คำว่า "โอกาส" กลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้อย่างชัดเจนเหลือเกิน
ตราบเท่าที่ปุถุชนยังคงมีกิเลสและตัณหาเป็นสิ่งร้อยรัด...ตราบนั้น รูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่เรามิอาจละเลยได้ หากยังต้องการอยู่ในสังคม
...
ผู้สมัครทุกคนล้วนแต่ต้องแบกความทุกข์จากหน้าตาและรูปร่างที่ไม่เหมือนคนทั่วไป ทำให้ใช้ชีวิตปกติได้ยาก บางคนแค่เคี้ยวข้าวยังถือเป็นเรื่องยากด้วยซ้ำไป
นอกจากจะลำบากจากสภาพหน้าตาและร่างกายแล้ว พวกเค้ายังต้องใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างยากลำบากอีกด้วย...ไหนจะถูกล้อเลียน, ไหนจะถูกรังเกียจ และไหนจะถูกซุบซิบนินทา
สภาพที่ต้องทนทุกข์ทั้งกายและใจแบบนี้...เป็นอะไรที่ทำให้ชีวิตเหมือนถูกโซ่ตรวนแห่งความเจ็บช้ำล่ามเอาไว้
หากพวกเค้าคิดได้ ปลงตก...พวกเค้าก็จะมีชีวิตอยู่อย่างเงียบๆ และเลือกที่จะโดดเดี่ยวตัวเองออกจากสังคม
แต่หากพวกเค้าคิดไม่ตก...ย่อมจะส่งผลให้พวกเค้าเคียดแค้นทั้งตัวเอง, ครอบครัว และรวมไปถึงสังคมรอบข้าง
...
Let Me In จึงเป็นเสมือน "ความหวัง" ที่ทำให้เหล่าผู้โชคร้าย อาจได้ชีวิตใหม่...พลิกจากด้านมืดไปสู่ด้านสว่าง
แม้ Workpoint จะซื้อลิขสิทธิ์ของรายการนี้มาผลิตออกอากาศ เพราะคาดหวัง Rating แต่ในขณะเดียวกัน ผมว่า Workpoint ก็เหมือนได้สร้างบุญด้วยเช่นกัน...ดังนั้นผมก็ขอชื่นชมพร้อมอนุโมทนาบุญไปกับ Let Me In ในทุกประเทศ
...
พวกเราเองก็อาจเป็นหนึ่งแรงสนับสนุนให้เหล่าผู้โชคร้าย มีโอกาสได้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ครับ...กับมูลนิธิสร้างรอยยิ้ม หรือ Operation Smile
ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับมูลนิธินี้แต่อย่างใดนะครับ...แค่เคยได้ร่วมกับดาราท่านหนึ่ง รวบรวมเงินบริจาคให้กับมูลนิธินี้ครั้งหนึ่งเท่านั้น
ใครสนใจจะร่วมคืนรอยยิ้มให้กับผู้โชคร้าย ก็เชิญดูรายละเอียดได้ที่ http://www.operationsmile.or.th เลยครับ
คงจะดีไม่น้อยครับ...หากเราได้มอบ "รอยยิ้ม" คืนให้กับใครสักคน โดยที่เราก็ไม่ได้หวังอะไรตอบแทนจากเค้า มากไปกว่า ให้เค้าได้ยิ้มได้ด้วยหัวใจที่เป็นสุข...แค่เท่านั้น
ช่วงนี้ผมชอบดูรายการ Let Me In Thailand ทางช่อง Workpoint เป็นอย่างมาก...ฉายวันไหน เวลาอะไร ผมจำไม่ได้หรอกครับ เพราะอาศัยดูย้อนหลังทาง Youtube เป็นหลัก
สำหรับผมแล้ว...รายการนี้ ทำให้คำว่า "โอกาส" กลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้อย่างชัดเจนเหลือเกิน
ตราบเท่าที่ปุถุชนยังคงมีกิเลสและตัณหาเป็นสิ่งร้อยรัด...ตราบนั้น รูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่เรามิอาจละเลยได้ หากยังต้องการอยู่ในสังคม
...
ผู้สมัครทุกคนล้วนแต่ต้องแบกความทุกข์จากหน้าตาและรูปร่างที่ไม่เหมือนคนทั่วไป ทำให้ใช้ชีวิตปกติได้ยาก บางคนแค่เคี้ยวข้าวยังถือเป็นเรื่องยากด้วยซ้ำไป
นอกจากจะลำบากจากสภาพหน้าตาและร่างกายแล้ว พวกเค้ายังต้องใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างยากลำบากอีกด้วย...ไหนจะถูกล้อเลียน, ไหนจะถูกรังเกียจ และไหนจะถูกซุบซิบนินทา
สภาพที่ต้องทนทุกข์ทั้งกายและใจแบบนี้...เป็นอะไรที่ทำให้ชีวิตเหมือนถูกโซ่ตรวนแห่งความเจ็บช้ำล่ามเอาไว้
หากพวกเค้าคิดได้ ปลงตก...พวกเค้าก็จะมีชีวิตอยู่อย่างเงียบๆ และเลือกที่จะโดดเดี่ยวตัวเองออกจากสังคม
แต่หากพวกเค้าคิดไม่ตก...ย่อมจะส่งผลให้พวกเค้าเคียดแค้นทั้งตัวเอง, ครอบครัว และรวมไปถึงสังคมรอบข้าง
...
Let Me In จึงเป็นเสมือน "ความหวัง" ที่ทำให้เหล่าผู้โชคร้าย อาจได้ชีวิตใหม่...พลิกจากด้านมืดไปสู่ด้านสว่าง
แม้ Workpoint จะซื้อลิขสิทธิ์ของรายการนี้มาผลิตออกอากาศ เพราะคาดหวัง Rating แต่ในขณะเดียวกัน ผมว่า Workpoint ก็เหมือนได้สร้างบุญด้วยเช่นกัน...ดังนั้นผมก็ขอชื่นชมพร้อมอนุโมทนาบุญไปกับ Let Me In ในทุกประเทศ
...
พวกเราเองก็อาจเป็นหนึ่งแรงสนับสนุนให้เหล่าผู้โชคร้าย มีโอกาสได้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ครับ...กับมูลนิธิสร้างรอยยิ้ม หรือ Operation Smile
ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับมูลนิธินี้แต่อย่างใดนะครับ...แค่เคยได้ร่วมกับดาราท่านหนึ่ง รวบรวมเงินบริจาคให้กับมูลนิธินี้ครั้งหนึ่งเท่านั้น
ใครสนใจจะร่วมคืนรอยยิ้มให้กับผู้โชคร้าย ก็เชิญดูรายละเอียดได้ที่ http://www.operationsmile.or.th เลยครับ
คงจะดีไม่น้อยครับ...หากเราได้มอบ "รอยยิ้ม" คืนให้กับใครสักคน โดยที่เราก็ไม่ได้หวังอะไรตอบแทนจากเค้า มากไปกว่า ให้เค้าได้ยิ้มได้ด้วยหัวใจที่เป็นสุข...แค่เท่านั้น
Comments
Post a Comment