Post#3-200:
เผลอแว่บเดียว เราใช้เวลาของปีนี้ไปแล้ว เกือบ 3 เดือนด้วยกันนะครับ...สำหรับผมแล้ว เวลาช่างเหมือนกับติดปีกบินเอาเสียจริงๆ
ได้ประเมินผลงานตัวเองทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานกันบ้างมั๊ยครับ ว่าผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจมากหรือน้อยเพียงใด?
ส่วนใหญ่แล้ว...คนเรามักตอบว่า "ผลลัพธ์ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ" แต่มีน้อยคนที่จะสามารถตอบได้ว่า อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ
และน้อยกว่าน้อย ที่จะสามารถตอบต่อไปได้ว่า แล้วจะทำยังไงดีนะ จึงจะปรับปรุงให้ผลลัพธ์นั้นดีขึ้นได้?
...
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องงานก็แล้วแต่...หากเราตอบตัวเองอย่างซื่อสัตย์ได้ว่า เราได้ลงมือจัดการเรื่องนั้นๆ หรืองานนั้นๆ อย่างเต็มที่แล้ว ก็คงไม่มีอะไรต้องเจ็บใจ...ครั้งต่อไป ก็จงอย่าถอดใจ จงทำให้เต็มที่เช่นเดิม
แต่ถ้าเราได้คำตอบว่า "ไม่"...เรายังทำเรื่องนั้นหรืองานนั้นได้ดีกว่าที่ผ่านมา ก็ต้องถือว่า เรายังมีโอกาสได้แก้ไขและวางแผนปรับปรุง
หากว่า ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพอใจที่ว่านั้น ไม่ได้เป็นผลมาจากการเหยาะแหยะหรือปล่อยปละไม่จริงจังกับงานแล้วล่ะก็...ไม่ว่าเราจะเป็นใคร หรือทำอะไรพลาด เราก็ควรจะได้รับโอกาสอีกครั้ง
บางที เหตุผลสำคัญที่ทำให้คนเราส่วนใหญ่ มีหน้าที่ต้องตื่นขึ้นอีกคราในวันรุ่งขึ้น ก็อาจเป็นเพราะ พระเจ้าคงต้องการ เปิดโอกาสให้เราทำ "วันนี้" ให้ดีกว่า "วันวาน" ก็เป็นได้...กระมังครับ?
...
ถามตัวเองดูเถิดครับ...เราได้ทำอะไรก็ตามในวันนี้ อย่างเต็มที่แล้วจริงๆ...ใช่มั๊ย?
หากว่าคำตอบนั้นคือ "ใช่"...จะเศร้าไปไยกับความผิดพลาดหรือล้มเหลว?
เช่นเดียวกับที่ฝรั่งว่าไว้...โดนใจผมเหลือเกินครับ
"If today was perfect, there would be no need for tomorrow."
แปลว่า "ถ้าวันนี้สมบูรณ์แบบแล้วไซร้, ไยจึงจำต้องมีวันรุ่งพรุ่งนี้"
มันจึงเป็นความจริงที่ว่า ไม่มีใครมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ...เราต่างต้องปรับปรุงและพัฒนาตัวเองในทุกๆ วัน ให้เข้าใกล้กับความสมบูรณ์แบบ...แม้ว่ามันอาจจะไม่มีอยู่จริง ก็ตาม
...แต่อย่างน้อย คนเราต่างก็ได้รับโอกาสใหม่ในทุกๆ วัน ที่จะทำตัวเราให้ดีกว่าเมื่อวาน...อย่างน้อย ผมก็เชื่อเช่นนั้นครับ...
เผลอแว่บเดียว เราใช้เวลาของปีนี้ไปแล้ว เกือบ 3 เดือนด้วยกันนะครับ...สำหรับผมแล้ว เวลาช่างเหมือนกับติดปีกบินเอาเสียจริงๆ
ได้ประเมินผลงานตัวเองทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานกันบ้างมั๊ยครับ ว่าผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจมากหรือน้อยเพียงใด?
ส่วนใหญ่แล้ว...คนเรามักตอบว่า "ผลลัพธ์ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ" แต่มีน้อยคนที่จะสามารถตอบได้ว่า อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ
และน้อยกว่าน้อย ที่จะสามารถตอบต่อไปได้ว่า แล้วจะทำยังไงดีนะ จึงจะปรับปรุงให้ผลลัพธ์นั้นดีขึ้นได้?
...
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องงานก็แล้วแต่...หากเราตอบตัวเองอย่างซื่อสัตย์ได้ว่า เราได้ลงมือจัดการเรื่องนั้นๆ หรืองานนั้นๆ อย่างเต็มที่แล้ว ก็คงไม่มีอะไรต้องเจ็บใจ...ครั้งต่อไป ก็จงอย่าถอดใจ จงทำให้เต็มที่เช่นเดิม
แต่ถ้าเราได้คำตอบว่า "ไม่"...เรายังทำเรื่องนั้นหรืองานนั้นได้ดีกว่าที่ผ่านมา ก็ต้องถือว่า เรายังมีโอกาสได้แก้ไขและวางแผนปรับปรุง
หากว่า ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพอใจที่ว่านั้น ไม่ได้เป็นผลมาจากการเหยาะแหยะหรือปล่อยปละไม่จริงจังกับงานแล้วล่ะก็...ไม่ว่าเราจะเป็นใคร หรือทำอะไรพลาด เราก็ควรจะได้รับโอกาสอีกครั้ง
บางที เหตุผลสำคัญที่ทำให้คนเราส่วนใหญ่ มีหน้าที่ต้องตื่นขึ้นอีกคราในวันรุ่งขึ้น ก็อาจเป็นเพราะ พระเจ้าคงต้องการ เปิดโอกาสให้เราทำ "วันนี้" ให้ดีกว่า "วันวาน" ก็เป็นได้...กระมังครับ?
...
ถามตัวเองดูเถิดครับ...เราได้ทำอะไรก็ตามในวันนี้ อย่างเต็มที่แล้วจริงๆ...ใช่มั๊ย?
หากว่าคำตอบนั้นคือ "ใช่"...จะเศร้าไปไยกับความผิดพลาดหรือล้มเหลว?
เช่นเดียวกับที่ฝรั่งว่าไว้...โดนใจผมเหลือเกินครับ
"If today was perfect, there would be no need for tomorrow."
แปลว่า "ถ้าวันนี้สมบูรณ์แบบแล้วไซร้, ไยจึงจำต้องมีวันรุ่งพรุ่งนี้"
มันจึงเป็นความจริงที่ว่า ไม่มีใครมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ...เราต่างต้องปรับปรุงและพัฒนาตัวเองในทุกๆ วัน ให้เข้าใกล้กับความสมบูรณ์แบบ...แม้ว่ามันอาจจะไม่มีอยู่จริง ก็ตาม
...แต่อย่างน้อย คนเราต่างก็ได้รับโอกาสใหม่ในทุกๆ วัน ที่จะทำตัวเราให้ดีกว่าเมื่อวาน...อย่างน้อย ผมก็เชื่อเช่นนั้นครับ...
Comments
Post a Comment