Skip to main content

Post#3-184: ยึดมั่นในเป้าหมาย / ยึดติดวิธีการ

Post#3-184:
หลายต่อหลายครั้งที่ผลลัพธ์ที่ผู้บริหารต้องการ มักไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดหวัง...

มากต่อมากครั้ง ที่สาเหตุแห่งความพลาดหวังนั้น มาจากความผิดพลาดคลาดเคลื่อนในการแปลงนโยบายให้เป็นแผนปฏิบัติการ

และอีกมากหน ที่ความล้มเหลวเกิดมาจากการยึดติดจนขาดความยืดหยุ่นและพลิกผันให้เข้ากับสภาพการณ์ที่เจอ...ทั้งจากตัวผู้บริหารเอง และจากทั้งผู้ปฏิบัติงาน

...

หนึ่งในเรื่องที่ผู้ปฏิบัติบ่นกันมากเหลือเกิน ก็คือการที่ผู้กำหนดเป้าหมาย "ชอบ" เปลี่ยนแผนอยู่บ่อยๆ

ตรงนี้ ผมต้องขอแก้ต่างให้นายๆ ทั้งหลายสักเล็กน้อย ว่าจริงๆ แล้ว ไม่มีใคร "ชอบ" เปลี่ยนแผนหรอกครับ แต่ที่ "มักจะ" ต้องเปลี่ยนนั้น เพราะสภาพการณ์ต่างๆ โดยรอบมันไม่ได้อยู่นิ่งๆ นั่นเอง

ผู้บริหารหรือผู้กำหนดเป้าหมาย จึงจำเป็นต้องพลิกผันตามสภาพการณ์ได้รวดเร็ว หาไม่แล้วก็อาจนำลูกน้องไปสู่ทางตัน

ในขณะเดียวกัน ลูกน้องหรือผู้ปฏิบัติ ก็จำเป็นจะต้องปรับกระบวนทัพให้สอดรับกับการพลิกผันให้ได้อย่างทันท่วงที

...คงเห็นตัวอย่างกันมามากต่อมากแล้วนะครับ ที่องค์กรใหญ่ๆ หลายแห่ง มีอันต้องล่มสลายลงไป ด้วยเหตุเพราะปรับตัวตามกระแสโลกไม่ทัน

...

หากคุณเป็นผู้กำหนดเป้าหมาย...สำคัญตรงที่ว่า คุณได้สื่อสารให้ทีมงานเข้าใจถึงความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนเป้าหมายหรือแผนหรือไม่?

หากคุณเป็นผู้ปฏิบัติ...สำคัญตรงที่ว่า คุณรู้จักการยืดหยุ่นและการเตรียมแผนทางเลือกไว้บ้างหรือเปล่า?

แต่ขอได้โปรดจำไว้...เปลี่ยนเป้าหมายเมื่อใด หนทางไปสู่เป้าหมายย่อมต้องเปลี่ยน แต่การเปลี่ยนหนทางไปสู่เป้าหมาย อาจมิได้ทำให้เป้าหมายเปลี่ยนก็เป็นได้

...

ดังนั้น คิดให้จงหนัก...หากจำต้องเปลี่ยนเป้าหมาย แต่จงอย่าลังเลเมื่อเห็นว่าหนทางไปสู่เป้าหมายนั้น มันไม่ "เวิร์ค"

เปรียบเสมือนหนทางไปเชียงใหม่มีได้หลายทางฉันใด ทางไปสู่เป้าหมาย ก็มีได้หลายทางฉันนั้น

หรือสรุปสั้นๆ ว่า "จงยึดมั่นในเป้าหมาย แต่อย่ายึดติดกับวิธีการ" ครับ

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...