Skip to main content

Post#3-203: Decentralization

Post#3-203:
เมื่อประมาณ 4 ทุ่มนี้เอง ผมมาตรวจความคืบหน้าของร้านที่กำลังจะเปิดในเดือนหน้านี้แล้ว

หลักใหญ่ใจความที่ได้รับรายงานจากผู้รับเหมาและ Project Manager ก็คือเรื่องปัญหาและอุปสรรคหน้างาน รวมถึงการแก้ปัญหาที่พวกเค้าได้จัดการไป

ก็แทบจะฟันธงได้เลยครับ...ไม่ว่าทีมจะมีประสบการณ์มากมายเพียงใด ก็มีอันจะต้องเจอเรื่องนอกแผนให้เราต้องแก้ไขอยู่นั่นเอง

...

ถึงตรงนี้ การกำหนด Scope of Work และ Authority ให้กับทีม...จึงถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง

ที่เรามักจะพูดๆ กันถึงเรื่องการกระจายอำนาจ (หรือที่เราเรียกกันอย่างคุ้นเคยว่า Decentralization) ก็มักจะเกี่ยวกับ 2 เรื่องที่ว่า

หากไม่คุยเรื่องนี้ให้ชัดเจน คนที่จะเหนื่อยก็คือตัวเราเอง...ค่าที่ว่า เราจะต้องมาตอบคำถามต่างๆ มากมาย ซึ่งมีทั้งเรื่องละเอียดและเรื่องหยุมหยิม และบ่อยครั้งที่การรวบทุกอย่างมาไว้กับตัวเราเองนั้น อาจทำให้งานไม่คืบหน้า

...

การกำหนด Scope of Work จะทำให้รู้ว่า แต่ละคนแต่ละตำแหน่ง มีขอบเขตความรับผิดชอบอะไรบ้าง - วางแผนได้ชัด ก็จะทำให้เรื่องนี้ชัด

ส่วนการกำหนด Authority จะทำให้การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ามีความคล่องตัวมากขึ้น - หากมีเรื่องนอกแผน หรือเกิดปัญหาหน้างาน ก็จะใช้เรื่องนี้ไว้ช่วยให้ทีมตัดสินใจ

...

เรื่อง Decentralization นี้ นับว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง...ถึงขนาดชี้เป็นชี้ตาย ในการทำสงครามธุรกิจได้เลยทีเดียว

กุนซือที่เก่งที่สุดบนผืนพิภพเอง ก็ยังแพ้ให้กับเรื่อง Decentralization นี้...งานเล็กไม่ปล่อย งานใหญ่ก็เก็บ...เรียกว่า ทำเองทุกเรื่อง เพราะใครทำก็ไม่ถูกใจ สุดท้ายขงเบ้งก็ตรากตรำจนสิ้นใจ

ต่อให้เราเป็น "คนเก่ง" เพียงใด หากไม่รู้จักกระจายอำนาจเสียบ้าง...ก็คงต้องบอกว่า เรายังพัฒนา Leadership Skill ได้ไม่ดีพอ

...อย่าลืมนะครับ ว่าไม่ว่าเราจะเก่งเพียงใด เราก็มีเวลาแค่ 24 ชั่วโมง เท่าๆ กับคนอื่นๆ...

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...