Skip to main content

Post#3-330: From Zero to Hero

Post#3-330:
"ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจออะไรแย่ๆ แบบนี้ด้วย?"

ผมเชื่อว่า หลายๆ คนคงเคยตั้งคำถามแบบนี้ หรือไม่ก็รำพึงรำพันแบบนี้กับตัวเองอยู่บ้าง

บททดสอบความแข็งแกร่งของคนเรา...บางครั้งมันก็หนักหนาสาหัสจนแทบจะน้ำเน่ากว่าละครเสียด้วยซ้ำ

และผมก็ไม่มีคำแนะนำหรือคำปลอบใจอะไรที่จะดีกว่า "อดทน" และ "สู้ๆ" เพราะแม้มันจะไม่ช่วยให้ชีวิตหายขมขื่น แต่มันก็คือคำที่สะท้อนความจริง...หากว่าเรายังอยากมีพรุ่งนี้ให้ตื่นขึ้น

...

แต่รู้อะไรมั๊ยครับ...ว่าบางครั้งเรื่องราวที่เราคิดว่าเลวร้าย มันอาจจะเป็นแค่ช่วงเริ่มต้นเท่านั้น หากผ่านมันไปได้ เราก็อาจจะเจอเรื่องดีๆ รออยู่...เหมือนที่โบราณท่านว่า "ต้นร้ายปลายดี" นั่นไงครับ

หรือบางครั้งเราก็อาจจะแค่กำลังเผชิญกับฤดูฝนที่อาจจะยาวนานไปสักหน่อย...แต่ฟ้าหลังฝนนั้น สวยงามเสมอครับ ขอเพียงอดทน และแข็งใจเดินฝ่าฝนไปให้ได้เท่านั้นเอง

ผมคงห้ามไม่ได้...หากใครจะคิดว่า นี่เป็นเพียงประโยคปลอบใจที่ไม่อาจจะเกิดขึ้นจริง

แต่บางครั้ง "ปาฏิหาริย์" ก็อาจเกิดขึ้นกับคนที่มีศรัทธาและไม่ยอมแพ้ นะครับ

...

ฝรั่งเองก็ว่าไว้ว่า...

"Sometimes the bad things that happen in our lives put us directly on the path to the best things that will ever happen to us."

แปลว่า "บางครั้ง สิ่งร้ายๆ ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเรา อาจนำเราไปสู่เส้นทางที่จะทำให้เราได้พบกับสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเรา ก็เป็นได้"

...

ยามที่คิดว่า ตัวเราช่างโชคร้าย ลองฉุกคิดดูเถิดครับ ว่าที่จริงแล้ว บนโลกนี้ ยังมีคนที่โชคร้ายสาหัสสากรรจ์กว่าเราอีกมากนัก...แล้วทำไมพวกเค้าเหล่านั้น ยังยิ้มได้, ยังอยากมีลมหายใจ, ยังพร้อมที่จะลืมตาตื่นขึ้นมาสู้ในวันใหม่อย่างไม่ย่อท้อ?

มันต่างกันมากนะครับ ระหว่าง "ชีวิตที่ไม่มีทางสู้" กับ "ชีวิตที่ไม่คิดจะสู้"

แบบแรก...ถ้ามันเป็นเพราะคนๆ นั้น ไร้ทางสู้จริงๆ วันที่เค้าลาจากโลกไป, น้ำตาฟ้าก็อาจจะหลั่งลงมาเพื่อแสดงความอาลัยให้บ้าง

แบบหลัง...วันที่คนผู้ไม่คิดจะสู้ตายจากโลกนี้ไป, นอกจากจะไม่มีน้ำตาฟ้าแล้ว น่ากลัวว่าจะมีเสียงฟ้าหัวเราะเย้ยหยันไยไพไล่หลังอีกต่างหาก

...คนเราเลือกเกิดไม่ได้ และส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เกิดมาพร้อมมูล บางคนก็เกิดมาแบบไม่มีอะไรเลย หรือเรียกว่าเกิดมา Zero...และไม่ว่าจะเกิดมายากดีมีจนยังไง แต่เราก็ควรตายแบบ Hero...ว่ามั๊ยครับ?...

#FromZeroToHero

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...