Post#3-331:
ส่วนใหญ่ของคนไทยเรา ต่างก็เชื่อในเรื่องของพรหมลิขิตหรือโชคชะตา...เมื่อใดก็ตามที่หาเหตุผลที่เข้าท่าไม่ได้ ก็มักจะโยนให้เป็นเรื่องของฟ้ากำหนดอยู่ร่ำไป
จะว่าไปแล้ว บางครั้งเราก็ไม่สามารถจะอธิบายได้ชัดๆ ว่า ทำไมคนเราเกิดมาต่างกัน, ทำไมทำดีแล้วไม่ค่อยได้ดี, ทำไมบางคนโชคดีอย่างเหลือเชื่อ หรือโชคร้ายอย่างเหลือแสน, ฯลฯ
เอาเป็นว่า ในเมื่อยังไม่สามารถพิสูจน์ในแบบวิทยาศาสตร์ได้ ก็ถือเสียว่า มันเป็นผลมาจากปัจจัยตัวหนึ่ง ซึ่งเราแทนค่าว่า "X" ก็แล้วกันนะครับ
ส่วน "X" จะแปลว่า พรหมลิขิต, โชคชะตา, กรรม หรืออะไรอย่างอื่น ก็สุดแท้แต่ความเชื่อของแต่ละคนก็แล้วกันครับ
...
บางครั้ง การที่เราได้พบปะพูดคุยหรือมีปฏิสัมพันธ์กับใครคนอื่น ก็อาจจะเป็นผลมาจากปัจจัย X นี้ ด้วยเหมือนกัน
ลองดูวาทะนี้ครับ
"We don't meet people by accident. They are meant to cross our path for a reason."
แปลว่า "เรามิได้พบกับใครคนหนึ่งโดยบังเอิญแน่ๆ พวกเค้าต่างโคจรมาพบเราด้วยเหตุผลบางอย่าง"
นั่นไง...ไม่ใช่แค่เราชาวเอเชียเท่านั้นที่เชื่อเรื่องปัจจัย X แต่ชาวฝรั่งอั้งม้อก็เริ่มเชื่อเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
...
ถ้าเชื่อเรื่องนี้จริง ก็แปลว่า ใครก็ตามที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา ก็น่าจะมีเหตุเกี่ยวเนื่องกับเรามาแต่เก่าก่อน
มาในชาตินี้ จึงต้องมาสะสางเรื่องราวที่คั่งค้างกันมาให้เสร็จสิ้น...หรือไม่ก็กลายเป็นการสร้างมูลเหตุให้ต้องสะสางกันต่อไป
แปลว่า ถ้าพลังของปัจจัย X มีจริง เราก็ต้องมีอันต้องถูกดึงดูดให้มาเจอใครบางคนที่เกี่ยวพันกันมาอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
...
เอาล่ะ หากว่าปัจจัย X ทำให้เราหลีกลี้หนีใครบางคน หรือหลบเลี่ยงเรื่องบางเรื่องไม่พ้น...เราจะต้องทำยังไงดี?
ตอบไม่ยากครับ...เมื่อเลี่ยงไม่ได้หรือหลบไม่พ้น ก็เผชิญหน้ากับปัจจัย X ตรงๆ เลยครับ
เราเลือกไม่เจอคนที่เราไม่อยากจะเจอ หรือหลบเรื่องที่เราไม่ชอบ ไม่ได้...แต่เราเลือกจะตอบสนองต่อเค้าหรือมันได้ ตามแต่สมองและใจเราต้องการ
เรียกว่า ต้นเหตุอาจจะมาจากลิขิตฟ้า...หากแต่ปลายทางแห่งเหตุอยู่ที่เราจะเลือกจัดการแบบใดนั่นเองครับ
...จัดการได้ถูกต้องและเหมาะสม...เราก็อาจเปลี่ยนแปลงวงจรแห่งกรรมได้...ขึ้นอยู่กับศีล, สมาธิ และปัญญา ของแต่ละคน โดยแท้...
ส่วนใหญ่ของคนไทยเรา ต่างก็เชื่อในเรื่องของพรหมลิขิตหรือโชคชะตา...เมื่อใดก็ตามที่หาเหตุผลที่เข้าท่าไม่ได้ ก็มักจะโยนให้เป็นเรื่องของฟ้ากำหนดอยู่ร่ำไป
จะว่าไปแล้ว บางครั้งเราก็ไม่สามารถจะอธิบายได้ชัดๆ ว่า ทำไมคนเราเกิดมาต่างกัน, ทำไมทำดีแล้วไม่ค่อยได้ดี, ทำไมบางคนโชคดีอย่างเหลือเชื่อ หรือโชคร้ายอย่างเหลือแสน, ฯลฯ
เอาเป็นว่า ในเมื่อยังไม่สามารถพิสูจน์ในแบบวิทยาศาสตร์ได้ ก็ถือเสียว่า มันเป็นผลมาจากปัจจัยตัวหนึ่ง ซึ่งเราแทนค่าว่า "X" ก็แล้วกันนะครับ
ส่วน "X" จะแปลว่า พรหมลิขิต, โชคชะตา, กรรม หรืออะไรอย่างอื่น ก็สุดแท้แต่ความเชื่อของแต่ละคนก็แล้วกันครับ
...
บางครั้ง การที่เราได้พบปะพูดคุยหรือมีปฏิสัมพันธ์กับใครคนอื่น ก็อาจจะเป็นผลมาจากปัจจัย X นี้ ด้วยเหมือนกัน
ลองดูวาทะนี้ครับ
"We don't meet people by accident. They are meant to cross our path for a reason."
แปลว่า "เรามิได้พบกับใครคนหนึ่งโดยบังเอิญแน่ๆ พวกเค้าต่างโคจรมาพบเราด้วยเหตุผลบางอย่าง"
นั่นไง...ไม่ใช่แค่เราชาวเอเชียเท่านั้นที่เชื่อเรื่องปัจจัย X แต่ชาวฝรั่งอั้งม้อก็เริ่มเชื่อเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
...
ถ้าเชื่อเรื่องนี้จริง ก็แปลว่า ใครก็ตามที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา ก็น่าจะมีเหตุเกี่ยวเนื่องกับเรามาแต่เก่าก่อน
มาในชาตินี้ จึงต้องมาสะสางเรื่องราวที่คั่งค้างกันมาให้เสร็จสิ้น...หรือไม่ก็กลายเป็นการสร้างมูลเหตุให้ต้องสะสางกันต่อไป
แปลว่า ถ้าพลังของปัจจัย X มีจริง เราก็ต้องมีอันต้องถูกดึงดูดให้มาเจอใครบางคนที่เกี่ยวพันกันมาอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
...
เอาล่ะ หากว่าปัจจัย X ทำให้เราหลีกลี้หนีใครบางคน หรือหลบเลี่ยงเรื่องบางเรื่องไม่พ้น...เราจะต้องทำยังไงดี?
ตอบไม่ยากครับ...เมื่อเลี่ยงไม่ได้หรือหลบไม่พ้น ก็เผชิญหน้ากับปัจจัย X ตรงๆ เลยครับ
เราเลือกไม่เจอคนที่เราไม่อยากจะเจอ หรือหลบเรื่องที่เราไม่ชอบ ไม่ได้...แต่เราเลือกจะตอบสนองต่อเค้าหรือมันได้ ตามแต่สมองและใจเราต้องการ
เรียกว่า ต้นเหตุอาจจะมาจากลิขิตฟ้า...หากแต่ปลายทางแห่งเหตุอยู่ที่เราจะเลือกจัดการแบบใดนั่นเองครับ
...จัดการได้ถูกต้องและเหมาะสม...เราก็อาจเปลี่ยนแปลงวงจรแห่งกรรมได้...ขึ้นอยู่กับศีล, สมาธิ และปัญญา ของแต่ละคน โดยแท้...
Comments
Post a Comment