Post#3-346:
หลายวันก่อน ผมมีโอกาสได้สัมภาษณ์ผู้สมัครท่านหนึ่ง (สมมติชื่อคุณ Y นะครับ)...โดยผมคัดเลือกเธอมาจากผู้สมัครนับร้อยคน
หลังจากพูดคุยกันพักใหญ่ๆ...ผมก็ให้การบ้านกับคุณ Y ไปทำ ซึ่งถือเป็นบททดสอบสุดท้าย ก่อนผมจะตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่รับเธอเข้าทำงาน
แน่นอนว่า การบ้านที่ผมมอบให้ ย่อมเป็นคำถามแบบอัตนัย เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้คุณ Y ได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่
เมื่อผมอธิบายการบ้านให้กับคุณ Y เข้าใจได้อย่างชัดเจนแล้ว ก็นัดแนะกันว่า ถ้ายังสนใจจะทำงานด้วยกัน อีก 7 วัน ก็ช่วยเอาการบ้านมาส่ง แต่ถ้าคิดว่าเสียเวลา ก็ไม่ต้องกังวลใจไป...ทิ้งการบ้านได้เลย
...
ผมมักจะทำแบบนี้กับผู้สมัครตำแหน่งสำคัญๆ ที่ผมจำเป็นจะต้องรู้แน่ๆ ก่อนจะรับมาทำงาน ว่าจะมีฝีมือดีเท่ากับที่พูดไว้ตอนสัมภาษณ์รึเปล่า?
ถ้าการบ้านออกมาดีพอ ผมก็ไม่เคยพลาดที่จะคว้าตัวไว้...แต่ถ้ายังทำได้ไม่ดี โดยมากผมก็มักจะให้โอกาสแก้ตัว
และบ่อยครั้งที่หลังจากที่ให้การบ้านไปแล้ว...ก็กลายเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พบกัน
...แต่สำหรับคุณ Y, นับเป็นตัวอย่างที่พิเศษที่สุดในทางลบ ซึ่งผมไม่เคยเจอมาก่อน
...
หลังจาก 5 วันผ่านไป, คุณ Y ติดต่อกลับมาที่ฝ่าย HR เพื่อขอนัดพบกับผม
ทันทีที่ได้รับแจ้ง ผมค่อนข้างจะยินดี และตื่นเต้นที่จะได้พบกับคุณ Y เพื่อที่จะได้ฟังเธอนำเสนอแผนงาน
แต่เมื่อได้เจอ...ผมก็ถึงกับเหวอ เมื่อคุณ Y บอกว่า เธอไม่ได้ทำการบ้านเลย เพราะไม่สามารถหาข้อมูลได้!
ขณะที่ผมนั่งงง เพราะไม่รู้จะโกรธดีหรือเขกหัวตัวเองดี...คุณ Y ก็อธิบายต่อ ว่าเธอมาให้ผมด่า และขอโอกาสไปทำการบ้านอีกครั้ง โดยขอให้ผมอธิบายใหม่ทั้งหมด...
...คงไม่ต้องบอกนะครับ ว่าสุดท้ายคุณ Y ได้งานรึเปล่า?
...
ผมเหวอและงงมากๆ เพราะนึกไม่ออกว่าคุณ Y มีตรรกะในการคิดแบบไหน?
การจะโทรมานัดพบผม เพียงเพื่อจะมาบอกว่า "หนูแมนนะคะ ผิดก็มายอมรับผิด พี่ด่าหนูเลย แต่หนูขอโอกาสอีกครั้ง"...สำหรับผมแล้ว มันเป็นตรรกะที่น่างงงวยเป็นที่สุด
ถ้าไม่เข้าใจการบ้าน...ทำไมถึงไม่ถามตั้งแต่แรก...ทั้งๆ ที่ตอนคุยกัน ผมย้ำแล้วย้ำอีกว่าเข้าใจนะ และเธอก็ตอบด้วยสีหน้าว่าเข้าใจสุดๆ
ถ้าหาข้อมูลไม่ได้จริงๆ...ทำไมไม่โทรมาถามตั้งแต่วันแรกๆ, แล้วทำไมดันโทรมานัดพบผม, แล้วที่เหลืออีก 2 วัน ทำอะไรอยู่?
และที่ผมไม่เข้าใจที่สุด ก็คือ ทำไมคิดว่ามาให้ด่าแล้ว จะถือว่าแล้วก็แล้วไป ขอโอกาสใหม่ก็ต้องได้?
แม้จะผ่านมาแล้วหลายวัน...ผมก็ยังนึกเหตุผลดีๆ ไม่ได้เลยครับ ว่าอะไรทำให้คุณ Y ทำแบบนี้?
...
ความอยากได้งานเกิดขึ้นได้กับทุกคน...แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะลงมืออย่างจริงจังเพื่อให้ได้งาน
ความสำนึกผิดโดยแท้จริง กับการแสดงออกให้คนอื่นเข้าใจว่าตนสำนึกผิด...แม้ดูเผินๆ จะคล้ายกัน แต่จริงๆ แล้วมันต่างกันโดยสิ้นเชิง
การขอโอกาสที่สอง โดยไม่มีสัญญาณอะไรบ่งบอกว่าเค้าได้พยายามอย่างที่สุดแล้วในโอกาสครั้งแรก...จึงเป็นการขอที่ไม่สมควร
...การขอโทษแล้วก้มหน้า โดยหวังว่าคนอื่นจะต้องเข้าใจและยอมรับ และตนจะต้องได้รับการอภัย
...กับการขอโทษแล้วถามว่า ตนจะแก้ไขข้อผิดพลาดได้อย่างไร...อย่างไหนที่เราควรให้อภัยและมอบโอกาสที่สองให้กันเอ่ย?...
หลายวันก่อน ผมมีโอกาสได้สัมภาษณ์ผู้สมัครท่านหนึ่ง (สมมติชื่อคุณ Y นะครับ)...โดยผมคัดเลือกเธอมาจากผู้สมัครนับร้อยคน
หลังจากพูดคุยกันพักใหญ่ๆ...ผมก็ให้การบ้านกับคุณ Y ไปทำ ซึ่งถือเป็นบททดสอบสุดท้าย ก่อนผมจะตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่รับเธอเข้าทำงาน
แน่นอนว่า การบ้านที่ผมมอบให้ ย่อมเป็นคำถามแบบอัตนัย เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้คุณ Y ได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่
เมื่อผมอธิบายการบ้านให้กับคุณ Y เข้าใจได้อย่างชัดเจนแล้ว ก็นัดแนะกันว่า ถ้ายังสนใจจะทำงานด้วยกัน อีก 7 วัน ก็ช่วยเอาการบ้านมาส่ง แต่ถ้าคิดว่าเสียเวลา ก็ไม่ต้องกังวลใจไป...ทิ้งการบ้านได้เลย
...
ผมมักจะทำแบบนี้กับผู้สมัครตำแหน่งสำคัญๆ ที่ผมจำเป็นจะต้องรู้แน่ๆ ก่อนจะรับมาทำงาน ว่าจะมีฝีมือดีเท่ากับที่พูดไว้ตอนสัมภาษณ์รึเปล่า?
ถ้าการบ้านออกมาดีพอ ผมก็ไม่เคยพลาดที่จะคว้าตัวไว้...แต่ถ้ายังทำได้ไม่ดี โดยมากผมก็มักจะให้โอกาสแก้ตัว
และบ่อยครั้งที่หลังจากที่ให้การบ้านไปแล้ว...ก็กลายเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พบกัน
...แต่สำหรับคุณ Y, นับเป็นตัวอย่างที่พิเศษที่สุดในทางลบ ซึ่งผมไม่เคยเจอมาก่อน
...
หลังจาก 5 วันผ่านไป, คุณ Y ติดต่อกลับมาที่ฝ่าย HR เพื่อขอนัดพบกับผม
ทันทีที่ได้รับแจ้ง ผมค่อนข้างจะยินดี และตื่นเต้นที่จะได้พบกับคุณ Y เพื่อที่จะได้ฟังเธอนำเสนอแผนงาน
แต่เมื่อได้เจอ...ผมก็ถึงกับเหวอ เมื่อคุณ Y บอกว่า เธอไม่ได้ทำการบ้านเลย เพราะไม่สามารถหาข้อมูลได้!
ขณะที่ผมนั่งงง เพราะไม่รู้จะโกรธดีหรือเขกหัวตัวเองดี...คุณ Y ก็อธิบายต่อ ว่าเธอมาให้ผมด่า และขอโอกาสไปทำการบ้านอีกครั้ง โดยขอให้ผมอธิบายใหม่ทั้งหมด...
...คงไม่ต้องบอกนะครับ ว่าสุดท้ายคุณ Y ได้งานรึเปล่า?
...
ผมเหวอและงงมากๆ เพราะนึกไม่ออกว่าคุณ Y มีตรรกะในการคิดแบบไหน?
การจะโทรมานัดพบผม เพียงเพื่อจะมาบอกว่า "หนูแมนนะคะ ผิดก็มายอมรับผิด พี่ด่าหนูเลย แต่หนูขอโอกาสอีกครั้ง"...สำหรับผมแล้ว มันเป็นตรรกะที่น่างงงวยเป็นที่สุด
ถ้าไม่เข้าใจการบ้าน...ทำไมถึงไม่ถามตั้งแต่แรก...ทั้งๆ ที่ตอนคุยกัน ผมย้ำแล้วย้ำอีกว่าเข้าใจนะ และเธอก็ตอบด้วยสีหน้าว่าเข้าใจสุดๆ
ถ้าหาข้อมูลไม่ได้จริงๆ...ทำไมไม่โทรมาถามตั้งแต่วันแรกๆ, แล้วทำไมดันโทรมานัดพบผม, แล้วที่เหลืออีก 2 วัน ทำอะไรอยู่?
และที่ผมไม่เข้าใจที่สุด ก็คือ ทำไมคิดว่ามาให้ด่าแล้ว จะถือว่าแล้วก็แล้วไป ขอโอกาสใหม่ก็ต้องได้?
แม้จะผ่านมาแล้วหลายวัน...ผมก็ยังนึกเหตุผลดีๆ ไม่ได้เลยครับ ว่าอะไรทำให้คุณ Y ทำแบบนี้?
...
ความอยากได้งานเกิดขึ้นได้กับทุกคน...แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะลงมืออย่างจริงจังเพื่อให้ได้งาน
ความสำนึกผิดโดยแท้จริง กับการแสดงออกให้คนอื่นเข้าใจว่าตนสำนึกผิด...แม้ดูเผินๆ จะคล้ายกัน แต่จริงๆ แล้วมันต่างกันโดยสิ้นเชิง
การขอโอกาสที่สอง โดยไม่มีสัญญาณอะไรบ่งบอกว่าเค้าได้พยายามอย่างที่สุดแล้วในโอกาสครั้งแรก...จึงเป็นการขอที่ไม่สมควร
...การขอโทษแล้วก้มหน้า โดยหวังว่าคนอื่นจะต้องเข้าใจและยอมรับ และตนจะต้องได้รับการอภัย
...กับการขอโทษแล้วถามว่า ตนจะแก้ไขข้อผิดพลาดได้อย่างไร...อย่างไหนที่เราควรให้อภัยและมอบโอกาสที่สองให้กันเอ่ย?...
Comments
Post a Comment