Skip to main content

Post#3-337: Maximization vs Optimization

Post#3-337:
เที่ยงวานนี้ ผมมีโอกาสทานข้าวกับเจ้าของกิจการระดับหมื่นล้านท่านหนึ่ง (สมมติว่าชื่อ คุณ T นะครับ) ซึ่งผมเคยทำงานด้วยมาก่อน

เนื้อหาสาระของการพูดคุยก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า การมองหาความเป็นไปได้ของการทำ project ร่วมกัน

อย่างที่ผมเคยแชร์ไว้ครับ...บางครั้งการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมุมมองจากคนที่เหนือกว่าเรา ก็ช่วยให้เรามองอะไรๆ ได้กว้างขึ้น และไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป

...

คุณ T เป็นหนึ่งในผู้มีวิสัยทัศน์และมีญาณทรรศนะที่น่าทึ่งมากท่านหนึ่ง เรียกว่าคุณ T มองเกมค่อนข้างขาดและประเมินความเปลี่ยนแปลงของอนาคตได้ดีในระดับหาตัวจับยาก

เจ้าของที่สร้างตัวมาตั้งแต่อายุน้อยๆ มักจะมีพลังแบบนี้แฝงอยู่ในตัวค่อนข้างมาก...เรียกว่าสั่งสมประสบการณ์และตบะบารมีมาอย่างครบถ้วน ก็ว่าได้ครับ

เมื่อจับรายละเอียดทุกอย่างมากับมือ ทำงานมาตั้งแต่ระดับปฏิบัติการจนมานั่งแท่นบริหาร...จึงทำให้รอบรู้ในงานเป็นอย่างดี

ยิ่งเป็นคนใฝ่รู้อย่างคุณ T ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ประยุกต์เอาความรู้ใหม่ๆ มาต่อยอดจากประสบการณ์ที่มีอยู่ได้อย่างลงตัว

...

สมัยผมร่วมงานกับคุณ T ก็ได้เรียนรู้เรื่องต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "การคิดอย่างเจ้าของ"

"การคิดอย่างเจ้าของ" ต่างจาก "ความรู้สึกของการเป็นเจ้าของ" ค่อนข้างมากนะครับ, แม้ว่าอ่านเผินๆ จะนึกว่าเป็นเรื่องเดียวกันก็ตาม

ถ้าเรามีความรู้สึกของการเป็นเจ้าของ...เราจะมุ่งไปสู่ Profit Maximization หรือทำยังไงให้ได้กำไรสูงสุด

หากแต่ถ้าเราคิดอย่างเจ้าของ...เราจะมุ่งไปสู่ Profit Optimization หรือทำยังไงให้ได้กำไรเหมาะสมที่สุด

...

ถ้าเราเป็นมือปืนรับจ้างหรือลูกจ้างมืออาชีพ ก็ควรจะประเมินเจ้าของด้วยครับ ว่าเค้ามุ่งไปที่ Maximization หรือ Optimization

ถ้าเราเป็นเจ้าของ...โปรดระลึกไว้เถิดครับ ว่าลูกน้องเราไม่ใช่จะรู้ไม่เท่าทัน...เค้าทนอยู่หรืออยู่ทน ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราดูแลเค้ายังไงครับ

ไม่รู้สิครับ ผมว่า Maximization ก็อาจจะคล้ายกับ "โลภมากลาภหาย" ในขณะที่ Optimization ก็อาจจะคล้ายกับ "อดเปรี้ยวไว้กินหวาน"

...แบบไหนชนะสั้น และแบบไหนชนะแบบยั่งยืน...ผมมั่นใจว่าทุกท่านคงมองทะลุแล้วแน่ๆ ครับ...

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...