Skip to main content

Post#3-350: โจโฉ...สุดยอดผู้นำ

Post#3-350:
ช่วงนี้ผมกำลังอินกับ Romance of the Three Kingdoms ภาคใหม่ หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ "สามก๊ก" นั่นล่ะครับ...เรียกว่ามีเวลาเมื่อไหร่ เป็นต้องเปิดเล่น

และหากกล่าวถึง "สามก๊ก" แล้ว คาดว่าคงจะไม่มีใครไม่รู้จักชื่อ "โจโฉ" เป็นแน่

โดยส่วนใหญ่แล้ว...ใครๆ ต่างก็มักจะตราหน้าโจโฉว่าเป็น "ผู้ร้าย" บ้าง หรือ "ทรราชย์" บ้าง

แต่สำหรับผมแล้ว...ไม่อาจจะชี้ชัดลงไปได้ว่า แท้ที่จริงแล้ว...โจโฉ เป็นทรราชย์หรือเป็นรัฐบุรุษ กันแน่?

...

โจโฉสร้างทั้งวิบากกรรมและวีรกรรมไว้มากมายนับตั้งแต่เล็กจนโต ตั้งแต่เป็นขุนนาจตัวจ้อย จนกลายเป็นมหาอุปราข

นี่ว่ากันเฉพาะข้อมูลจากนิยายของหลอกว้านจง เท่านั้นนะครับ ส่วนความจริงตามประวัติศาสตร์จะเป็นเช่นไร...ก็สุดวิสัยที่เราจะชี้ชัด

ผมคงไม่จำเป็นต้องลงรายละเอียดให้มากความ เพราะทุกท่านสามารถหาอ่านสามก๊กได้ไม่ยาก...และผมก็อยากนำเสนอว่า คนที่อยากจะเป็นนายคน ควรศึกษาวิถีผู้นำของโจโฉไว้บ้าง

...

ในบรรดาเจ้าก๊กทั้ง 3 คือโจโฉ, เล่าปี่ และซุนกวน...ต่างก็มีจุดเด่นไปคนละด้าน แต่ถ้าจะเลือกคนที่ "ครบเครื่อง" ที่สุดแล้ว ผู้รู้จากหลายๆ สำนัก ต่างก็เทคะแนนให้กับโจโฉ

เล่าปี่เก่งด้านซื้อใจลูกน้อง, ซุนกวนเก่งด้านการใช้คน...ทั้ง 2 เจ้าแคว้น เน้นด้าน "พระคุณ"

แต่โจโฉนั้น มีครบทั้ง "พระคุณ" และ "พระเดช" ที่เป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมและจำเป็นอย่างยิ่งยวดของการที่จะก้าวขึ้นเป็นสุดยอด "ผู้นำ"

...

แหม...ผมอวยโจโฉเสียออกหน้าออกตาขนาดนี้ ใครจะตีความว่าผมเป็นพวกฝักใฝ่ "สายดาร์ก" หรือเปล่าก็ไม่ทราบสิครับ

ถือเสียว่า เราต่างก็ต้องเรียนรู้และเอาแบบอย่างที่ดีมาจากตัวละครระดับสำคัญของสามก๊กมาใช้เป็นแนวทางก็แล้วกันครับ

สำหรับผม...ในมุมของความสามารถในเชิงของการเป็นผู้นำแล้ว

...ผมยกย่องเล่าปี่, ชื่นชมซุนกวน แต่สำหรับโจโฉนั้น...ผมใช้คำว่า "นับถือ" ได้อย่างเต็มใจเลยก็ว่าได้...

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...