Post#5-091:
เนื่องจากคุณหมอแนะนำให้คุณตูนหยุดพัก 2 วัน...จึงทำให้กำหนดการเดิมที่จะวิ่งออกจากกรุงเทพฯ เลื่อนจากวันที่ 5 เป็นวันนี้แทน
แน่นอนว่า ผมก็ได้เข้าร่วมในขบวนด้วย (ตามที่เล่าไว้ใน Post#5-088) ซึ่งต้องตื่นตั้งแต่มืด คือตื่นประมาณ ตี 3 ของวันนี้
กองทัพคนมืดฟ้ามัวดินต่างก็พร้อมใจกันมาร่วมวิ่งกับคุณตูนด้วย โดยเรามีเป้าหมายปลายทางอยู่ที่ Community Mall แห่งหนึ่ง แถวย่านปิ่นเกล้า
ระยะทางกว่า 12.8 กิโลเมตร (วิ่งจริงๆ ประมาณ 14 กิโลเมตร ครับ) ที่เราจะร่วมไปส่งคุณตูน...จึงถือเป็นระยะสุดโหดสำหรับคนที่ไม่เคยออกวิ่งอย่างผมและอีกหลายๆ คน
แต่กระนั้น ทุกคนก็ยินดีและเต็มใจ ที่จะได้ร่วม “ก้าวคนละก้าว” ไปกับฮีโร่อย่างคุณตูน
...
ผมออกวิ่งไปพร้อมกับขบวน ตั้งแต่ประมาณ ตี 4...วิ่งเป็นส่วนใหญ่ด้วยความเร็ว 8 กิโลทาก/ชั่วโมง สลับกับการเดินเร็ว จนไปถึงบริเวณสวนอัมพร ซึ่งกินระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ด้วยเวลา 1 ชั่วโมง
คนที่วิ่งบ่อยๆ จะบอกได้ทันที ว่านี่มันความเร็วเท่ากับแค่การเดินของคนปกติเลยนะ!
ใช่ครับ...เพราะการวิ่งไปพร้อมขบวนคนมหาศาล บวกกับความที่ไม่เคยวิ่งทางไกลมาก่อน...มันจึงเป็นความเร็วที่สุดเท่าที่สังขารของผมจะเอื้ออำนวยได้
แม้จะเป็นระยะทางอันน้อยนิด แต่ทว่ามันเป็นเรื่องเกินเป้าสำหรับผม ที่ตั้งแต่แรกประเมินขีดจำกัดของตัวเองไว้ที่ 2 กิโลเมตร เท่านั้นเอง
...
หลังจากวิ่งครบ 4 กิโลเมตร...ผม (และหลายๆ คน ที่วิ่งไม่ไหว) ก็ตัดสินใจขึ้นรถไปรอรับคุณตูนที่เส้นชัย ด้วยเหตุผล 2 ข้อ คือ
หนึ่ง...เราไม่ต้องการจะให้กำหนดการล่าช้า เพราะไปไม่ถึงเส้นชัยตามกำหนดเวลา
และสอง...เพราะได้บรรลุเป้าหมายของระยะทางที่ตั้งไว้เหมาะสมกับศักยภาพของตัวเองแล้ว
...
การได้ไปร่วมวิ่งในครั้งนี้...ทำให้ผมได้เรียนรู้มากมายจริงๆ...ซึ่งนับเป็นประสบการณ์ใหม่ที่เปิดโลกทัศน์และเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับตัวเองอย่างมากมาย
ที่สำคัญมากๆ ก็คือผมได้ “แรงบันดาลใจ” จากเจตน์จำนงของคุณตูนและผองชนที่ร่วมก้าวคนละก้าว ไปอย่างเต็มเปี่ยม
การก้าวคนละก้าวในครั้งนี้...นอกจากจะทำให้ผมได้รู้ว่า ผมประเมินขีดจำกัดของตัวเองไว้ต่ำเกินไปแล้ว...
ก็ยังทำให้ผมได้ก้าวทางความคิดไปไกลกว่าเดิมอีกด้วย
...ด้วยพลังของคุณตูนที่ถ่ายทอดมา...ผมก็ขอตอบแทนด้วย การขอเป็นหนึ่งในคนไทย ที่ร่วมส่งพลังกาย, พลังใจ และพลังศรัทธา ให้ความพยายามอันมิอาจประเมินคุณค่าได้ของคุณตูน สัมฤทธิ์ผลไปได้ด้วยดีครับ...
#NoteToSelf:
- ไม่เคยคิดว่า การวิ่งก็ทำให้อิ่มเอมใจได้ถึงประมาณนี้
- ยิ่งได้ร่วมก้าวคนละก้าว...ผมยิ่งมั่นใจ ว่า การที่คนเราต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนในชีวิตนั้น มันมีความสำคัญเพียงใด
- เป้าหมายแม้ยิ่งใหญ่ ก็ล้วนต้องเริ่มต้นด้วย “ก้าวแรก” เสมอ
Comments
Post a Comment