Skip to main content

Post#5-100: Surprise!

Post#5-100:
ใครที่ต้องทำงานกับผู้บริหารระดับสูงนั้น จำเป็นต้องเข้าใจถึง Nature ของท่านกันไว้ให้ดีครับ

แต่ละท่านล้วนแต่มี Nature ที่แตกต่างกันไปตามแต่ประเภทของธุรกิจและกรอบประสบการณ์ของแต่ละท่าน

ซึ่งถ้าเราเข้าใจและเข้าถึง Nature ของท่านได้...เราก็จะปฏิบัติงานได้ตรงความคาดหวังของท่านได้ดียิ่งขึ้น

...

จากประสบการณ์ของผม ที่โชคดีได้มีโอกาสทำงานรับใช้ผู้บริหารระดับสูงในหลายๆ องค์กรแล้ว...ผมพบว่าแม้ว่าแต่ละท่านจะมี Nature ที่แตกต่างกัน แต่ก็มีบาง Nature ที่เหมือนกันอยู่บ้าง

ลองคิดดูมั๊ยครับ ว่า Nature ที่ว่าคือเรื่องไหน?

ผมให้เวลา 5 นาทีครับ

...

ออกตัวก่อน ว่าคำตอบของผมนั้น ไม่อาจนำมาใช้อ้างอิงหรือถือเป็นข้อสรุปกับท่านผู้บริหารระดับสูงได้ทุกคนนะครับ

แต่ผมคิดว่า หลายๆ ท่านที่ผมได้รับใช้มานั้น ต่างมี Nature ที่ต้องการควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ได้

หมายความว่า ท่านไม่ชอบสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ และไม่ยินดีที่แผนการต่างๆ นั้น จะไม่ถูกดำเนินการไปตามที่ได้รับการเสนอไว้

พูดง่ายๆ ว่า ท่านไม่ชอบถูก surprise นั่นเอง...ไม่ว่าจะเป็น Bad Surprise หรือ Good Surprise ก็ตาม

...

สำหรับผู้บริหารระดับสูงแล้ว ท่านจะให้ความสำคัญกับวิธีการไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผลลัพธ์

ด้วยเพราะการที่ได้ผลลัพธ์ดี จากวิธีการทำงานที่ดีนั้น ถือเป็นรากฐานสำคัญของความยั่งยืนทางธุรกิจ นั่นเองครับ

ดังนั้น ใครที่มีโอกาสได้ทำงานรับใช้ผู้บริหารระดับสูง ก็หมั่นเรียนรู้มุมมองและวิธีคิดของท่าน ให้จงดีเถิดครับ

...เพราะนั่นคือขุมทรัพย์ทางปัญญาโดยแท้เลยครับ...

#NoteToSelf: 

  • ผลลัพธ์ดี แต่วิธีการแย่ เรียกว่าฟลุ๊ค” / ผลลัพธ์แย่ แม้จะมีวิธีการดี เรียกว่าโม้” / ผลลัพธ์แย่ เพราะวิธีการห่วย เรียกว่ารู้ว่าไม่ดี แล้วยังโง่ทำ” / ผลลัพธ์ดี จากวิธีการดี เรียกว่ามืออาชีพ
  • อย่าขยัน surprise ผู้ใหญ่...เพราะถ้าบ่อยจนเกินงาม เราจะโดนท่าน surprise แบบฟ้าผ่า
  • ได้รับใช้ผู้ใหญ่ ต้องอย่าปล่อยโอกาสในการเรียนรู้

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...