Skip to main content

Post#2-178: บทสรุปคัดย่อแห่งพระพุทธศาสนา

Post#2-178:
ตื่นเช้ามาในวันมาฆบูชานี้ ผมได้รับ forwarded message จากเพื่อน เห็นว่าน่าจะเข้ากับการน้อมรำลึกถึงพระปัญญาคุณของพระพุทธองค์ได้ดี ก็เลยจะขอนำมาแชร์ครับ

วาทะนั้นมีอยู่ว่า...

Your mind is the garden, your thoughts are the seeds. You can grow flowers or you can grow weeds.

แปลเป็นไทยในแบบของผมได้ว่า "จิตของเรานั้น เปรียบเสมือนสนามหญ้า ส่วนความคิดของเรานั้น ก็เปรียบได้กับเมล็ดพันธุ์ เราจะเลือกปลูกให้เป็นดอกไม้ก็ได้ หรือจะให้เป็นวัชพืชก็ได้"

ที่ผมชอบวาทะนี้มากๆ ก็เพราะความหมายมันช่างตรงกับคำสอนแห่งพระพุทธองค์ในเรื่องแห่งการกำหนดจิตโดยแท้

...

ในวันมาฆบูชานี้ คงไม่อาจเว้นที่จะกล่าวถึง "โอวาทปาติโมกข์" ไปได้...

อันว่า โอวาทปาติโมกข์นี้ เป็นพระธรรมเทศนาที่พระพุทธองค์ทรงประทานแด่เอหิภิกขุอรหันต์ ทั้ง 1,250 รูป ที่มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ในวันมาฆปูรณะมี เมื่อ 9 เดือน หลังพระมหาบุรุษทรงตรัสรู้

ที่สุดแล้ว สาระสำคัญของโอวาทปาติโมกข์ก็ได้กลายมาเป็นบทสรุปคัดย่อของพระพุทธศาสนาที่เราท่องจำกันได้ขึ้นใจ นั่นคือ "ทำดี ละชั่ว และทำจิตใจให้บริสุทธิ์"

...

ย้อนกลับไปที่เนื้อหาวาทะข้างต้น จึงเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับเรื่องของการทำจิตใจให้ถึงพร้อมในความดี...เมื่อคิดดี ก็จะทำให้พูดดี และน้อมนำให้เราทำดี

ดังนั้น จิตใจที่เปรียบเสมือนสนามหญ้า จะดูสวยงามน่าชื่นชมด้วยมวลดอกไม้ หรือจะกลายเป็นสนามที่รกไปด้วยวัชพืช จึงอยู่ที่เมล็ดพันธ์ที่เราเลือกหว่าน จึงอยู่ที่วิธีที่เราคิดโดยแท้

...

สนามที่สวย ปล่อยปละไว้ย่อมมีวัชพืชขึ้นแทรกฉันใด จิตใจแม้ดีงามแต่ไม่หมั่นเจริญสติ ความชั่วก็สามารถเข้าแทรกแซงได้ฉันนั้น

สนามหญ้าที่รกไปด้วยวัชพืช เมื่อลงมือแผ้วถางอย่างไม่ย่อท้อ ย่อมกลายเป็นสนามหญ้าอันสวยงามได้ฉันใด จิตใจที่แม้เคยเต็มไปด้วยความชั่วร้าย หากเริ่มต้นใหม่ด้วยการหาเมล็ดพันธุ์แห่งความดีมาปลูกอย่างต่อเนื่อง วันหนึ่งก็จะสามารถแปรเปลี่ยนเป็นจิตที่ดีงามได้ฉันนั้น

...

ทุกๆ ครั้งที่ผมได้มีโอกาสพิจารณาพระธรรมแห่งพระผู้มีพระภาค ในห้วงคำนึงของผม ก็มักจะได้ยินบทสวดบูชาพระรัตนตรัยที่เราคุ้นเคยก้องซ้ำไปซ้ำมา...

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา แปลว่า สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นพระอรหันต์ ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง

พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ แปลว่า ข้าพเจ้าขออภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า

อีก 2 บทที่เหลือ ผมขอเชิญชวนให้ท่านที่ระลึกถึงพระพุทธองค์ได้ไปลองค้นความหมายกันต่อครับ
...

ขออำนาจพระพุทธคุณ 3 ประการ (อันประกอบไปด้วย พระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณ) ได้โปรดดลบันดาลให้ทุกท่าน ได้มี "ธาตุพุทธะ" บังเกิดในแก่นใจครับ...สาธุ

*ผู้สนใจเพิ่มเติม เชิญได้ที่ http://th.m.wikipedia.org/wiki/วันมาฆบูชา

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...