Skip to main content

Post#2-176: ปลางับนิ้ว

Post#2-176:
เย็นวานนี้ ผมชวนลูกไปเลี้ยงปลาที่สระน้ำในหมู่บ้าน

กิจกรรมนี้เป็นที่ชื่นชอบของทั้งผมและลูกเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการสร้างความเพลิดเพลินไปพร้อมๆ กับทำทานเล็กๆ ให้กับชีวิตน้อยๆ...ทั้งป้อนปลา ป้อนเต่า และแถมไปที่ป้อนนกด้วย ^^

ทุกครั้งที่ไปริมสระ ทั้งลูกและผมมักจะมองหาเต่า เพราะรู้สึกตรงกันว่า เค้าเสียเปรียบปลาตรงที่เชื่องช้า เวลาเราโปรยขนมปัง เจ้าเต่าไม่เคยกินทันซะที

โดยปกติ ผมจะต้องหากิ่งไม้ยาวๆ เพื่อจะได้เสียบขนมปังแล้วยื่นไปใกล้ๆ ปากเค้า ให้เจ้าเต่างับได้ง่ายๆ โดยไม่โดนปลาแย่ง

กระนั้น หลายครั้งที่ปลาเกกมะเหรกทั้งหลาย ก็จะกระโจนขึ้นมาเหนือน้ำเพื่อแย่งขนมปังอยู่บ่อยๆ ซึ่งผมและลูกก็เห็นเป็นเรื่องสนุกเพลิดเพลิน และนึกชมเจ้าปลาที่ดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้ได้อาหาร

แต่เมื่อวานนี้ เป็นคราวประมาทของผมเอง ทั้งๆ ที่ลูกสาวก็เตือนให้หากิ่งไม้มาเสียบขนมปัง แต่ผมขี้เกียจหากิ่งไม้ ก็เลยใช้วิธีใช้นิ้วคีบขนมปังแล้วยื่นมือลงไปหาเจ้าเต่า

นึกภาพออกแล้วใช้มั๊ยครับ ว่าอะไรเกิดขึ้นกับผม?

...

ความประมาทไม่เคยให้คุณใดๆ กับใครเลย เช่นเดียวกับการเจ็บตัวครั้งนี้ของผม และทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น ก็มักเริ่มจากความคิดที่ว่า "ไม่เป็นไรหรอก" ไปซะทุกที

ถ้าผมไม่ประมาท ยอมเชื่อลูก ก็คงไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้...จังหวะที่ยื่นขนมปังนั่นแหละครับ ที่เจ้าปลาหิวโซกระโจนขึ้นมางับนิ้วผมเต็มๆ และทันทีนั้นผมก็กระชากมือกลับด้วยความตกใจและความเจ็บ

ผลลัพธ์ก็คือได้แผลยาว แบบเลือดซิบๆ จากฟันคมๆ ของเจ้าปลาที่งับขนมปังสุดแรง พร้อมกับผมก็ดึงมือกลับสุดแรงเช่นกัน

เคราะห์ดีอย่างเดียวที่มี คือลูกสาวผมไม่ได้ทำตาม ไม่งั้นคงเป็นเรื่องใหญ่...

เจ็บนิ้วนั้นเป็นเรื่องเล็กมากครับ แต่เจ็บใจที่ตัวเองประมาทนี่ น่าเขกหัวตัวเองนัก

นึกซะว่าผมเล่าให้ฟังเป็นอุทาหรณ์นะครับ ใครมีลูกหรือเด็กเล็กๆ ในความดูแล ก็อย่าได้ประมาทแบบผมเลยครับ

ผลที่ได้จากความประมาทนั้น...มันไม่คุ้มเลยจริงๆ ครับ -"-

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...