Skip to main content

Post#2-192: Carrot&Stick

Post#2-192:
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมหัดให้ลูกขี่จักรยานสองล้อ หลังจากที่เธอกลัวๆ กล้าๆ ขี่แบบสี่ล้อมาตลอด

ลูกสาวผมเล่น Kickboard ได้ไม่แย่ แต่กลับไม่กล้าขี่จักรยานสองล้อเอาซะเลย ซึ่งผมวิเคราะห์ว่า คงเป็นเพราะเธอกลัวที่จะล้ม ไม่เหมือน Kickboard ที่การทรงตัวทำได้ง่ายกว่า

หลังจากใช้เวลาอยู่พักนึง เธอก็พอขี่ได้บ้าง แต่ก็ยังไม่มั่นใจ กล้าๆ กลัวๆ อยู่อย่างนั้น...ก่อนเลิกหัดขี่วันนั้น ผมบอกกับลูกว่า ผมได้สอนเบสิคให้แล้ว เหลือแต่เรื่อง "ความกล้า" เท่านั้น ที่สอนให้ไม่ได้

ว่าแล้วผมก็ตั้งเงื่อนไขให้ลูกว่า...

ถ้าภายในวันอาทิตย์นี้ เธอขี่ได้อย่างคล่องแคล่ว ผมจะให้รางวัลเป็นตุ๊กตา 1 ตัว...เธอยิ้ม

แต่ถ้าไม่ได้ ผมจะยึดตุ๊กตาที่เธอมีอยู่ ออกไป 1 ตัว เช่นกัน...เธอกลุ้ม

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็คือ เธอขี่ได้ภายใน 2 วัน คือขี่ได้เมื่อวานนี้

...

อะไรคือแรงผลักดันให้เธอทำได้อย่างรวดเร็ว?

คำตอบย่อมเป็นการสร้างแรงกดดันที่พอเหมาะและตั้งรางวัลที่พอควร หรือที่เรามักเรียกกันว่า "Carrot&Stick" นั่นเอง

ในชีวิตการทำงานนั้น มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายมักจะเคยชินกับ Carrot คือเงินเดือนที่ได้แน่ๆ ทุกเดือน แต่มักไม่ค่อยยอมรับ Stick เมื่อความผิดพลาดของงานเกิดขึ้นจากความไม่ใส่ใจและทุ่มเทในงาน

หากเรารู้จักที่จะ "รับรางวัล" ก็ต้องรู้จัก "ยอมรับบทลงโทษ" จึงจะทำให้เกิดแรงขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างเหมาะสมและควรแก่เหตุ

หากเราเป็นนายก็ต้องรู้จักใช้ Carrot คือพระคุณ และ Stick คือพระเดช อย่างเหมาะสมและลงตัว

...

ทั้งนายทั้งลูกน้องทั้งหลาย ก็จงเตือนตัวเองไว้ครับ...ว่าอย่าเคยชินกับอามิสและอย่ายึดติดกับการโบย

ให้แต่ Carrot ลูกน้องก็จะเสพติดกับอามิส แต่หากเน้นแต่ Stick ลูกน้องก็จะล้ากับความเครียด...ซึ่งการหนักไปข้างใดข้างหนึ่ง ล้วนส่งผลในทางลบกับ productivity ของงานทั้งสิ้น

แต่เมื่อถึงเวลาที่จะต้องเลือกใช้ Carrot&Stick ก็ระวังกันอีกทีครับ...อย่าให้ Carrot ดิบเกินกลืน และอย่าใช้ Stick ที่นิ่มเกินจะตีให้เจ็บ

เดี๋ยวเสียของนะเออ ^^

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...