Skip to main content

Post#2-183: อบรมเพื่อรวยทางลัด

Post#2-183:
จะว่าไปแล้ว ผมก็มักจะเห็นตาม Facebook อยู่บ่อยๆ ในเรื่องของ course ฝึกอบรมต่างๆ โดยเฉพาะพวกหลักสูตรรวยเร็วหรือหาเงินง่าย อะไรทำนองนี้

ความจริง การเข้าฝึกอบรมน่ะเป็นเรื่องดีแน่ๆ ครับ เพราะเป็นโอกาสให้เราได้พัฒนาและยกระดับความรู้ของเราให้เพิ่มพูน ได้รู้สิ่งใหม่ๆ ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ และอาจนำไปสู่ความท้าทายใหม่ๆ

แต่คนที่จะไปเข้าอบรม course พวกเรียนลัดทั้งหลายเหล่านี้ ต้องศึกษาและเข้าใจเนื้อหาของหลักสูตรในระดับหนึ่งก่อนนะครับ ไม่ใช่ดูแต่หัวข้อแล้วก็ชื่อเสียงของวิทยากร แล้วก็หลับหูหลับตาไปเข้าอบรม

ไม่ว่าจะเป็นการไปอบรมฟรีหรือจ่ายเงินก็แล้วแต่ เราก็ควรมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่า ไปเข้าอบรมเพื่อให้ได้อะไรกลับมา และต้องรู้ไว้อย่างนึงว่า ถ้าไปเข้าอบรมแล้ว ไม่นำเนื้อหามาปรับใช้ในชีวิต แล้วเราจะบรรลุผลของการฝึกอบรมไปได้

เช่น อยากรวยเร็ว ก็เลยไปเข้าอบรมกับท่านวิทยากรชื่อดัง เสียค่าอบรมไปก็ไม่น้อย แต่หมด course แล้ว ก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเก่า ไม่ได้ลงมือทำอะไรตามที่อุตส่าห์ไปเข้า course มาเลย แล้วจะรวยได้ยังไงครับ?

คราวนี้ พอไม่รวยเร็วสมใจนึก ก็เลยมีปฏิกิริยาตามมา 2 รูปแบบ คือ

หนึ่ง เวลาใครมาถาม หรือถามตัวเองก็แล้วแต่ ก็จะบอกว่า วิทยากรก็แนะแนวดีนะ แต่นำมาปฏิบัติจริงไม่ได้ เป็นทฤษฎีมากกว่า (แต่ที่แท้ ที่ปฏิบัติไม่ได้ เพราะไม่ได้ปฏิบัติ - แบบนี้แย่ เพราะทำให้วิทยากรเสียชื่อ)

สอง วิทยากรสอนอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นดีเลย ว่าแล้วก็มองหา course ใหม่ๆ เพื่อไปเข้าอบรมต่อไป (หลอกตัวเองและคนรอบข้างไปวันๆ ว่าพยายามจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยการหา course เพิ่มเติม แล้วก็กลายเป็น "วงจรอุบาทว์" ไปเรื่อยๆ - แบบนี้แย่มาก เพราะเสียทั้งเงินและเวลา และเสียชื่อวิทยากรด้วย)

ดังนั้น ก่อนไปเข้า course อะไรก็แล้วแต่ ต้องดูพื้นฐานตัวเราเองด้วย ถ้าพื้นฐานเราอยู่แค่ บวกลบคูณหาร แล้วจะไปเข้า course ตรีโกณมิติ ก็ต้องบอกว่า ประมาณตัวผิดไปมาก

อีกอย่างต้องเข้าใจว่า course ต่างๆ เหล่านี้ มักเป็นแบบระยะสั้น ดังนั้น องค์ความรู้ของวิทยากรทึ่จะถ่ายทอดให้เรา มักเป็นแบบ "เข้มข้น" และเป็นองค์ความรู้ที่สั่งสมมายาวนาน ถ้าพื้นฐานเราไม่พอ ย่อมไม่มีวันเข้าใจเนื้อหาที่ยากในเวลาสั้นๆ ได้

ฝากไว้เตือนสติครับ เข้า course ฝึกอบรมนั้น เพื่อให้รู้เพิ่ม จากนั้นจึงใช้ความรู้ที่เพิ่มมานั้น ในการสร้างฐานะให้ดีขึ้น ไม่ใช่ ไปเข้า course เพื่อที่จะรวยขึ้นในทันทีหลังจากเรียนจบ course

ถ้าแค่เข้า course แล้วรวยได้ ป่านนี้ประเทศไทยคงเป็นประเทศแห่งเศรษฐีไปแล้วล่ะครับ -"-

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...