Post#2-179:
วันนี้ผมนัดกับเพื่อนรุ่นพี่ที่ไม่ได้เจอกันมานานพอดู
เรื่องของเรื่องก็คือ พี่เค้าเกษียณแล้วแต่ยังมีไฟทำงานอยู่มาก แทนที่พี่เค้าจะเลือกนั่งเหงาเหี่ยวเฉาอยู่กับบ้าน ก็เลยชวนผมมานั่งหารือกันว่า จะทำ project อะไรดี?
คนที่จิตใจไม่ยอมแก่ อายุหรือสังขารก็ไม่ค่อยจะเป็นอุปสรรค ข้อนี้รวมไปถึงคนที่สภาพร่างกายไม่พร้อมด้วยเช่นกันครับ
หลายครั้งที่คนครบ 32 อย่างเราๆ ได้รับแรงบันดาลใจจากพวกเค้าอย่างมากมายซะด้วยซ้ำ...เรียกว่า ถ้าใจไม่แพ้ กายก็ไม่พ่าย
ใครกันเป็นคนกำหนดว่า คนสูงอายุแล้วต้องอยู่กับบ้าน หรือคนที่พิการต้องทำตัวอ่อนแอและต้องรอความช่วยเหลือ?
หากแท้จริงแล้ว ใจของเรายังสู้ จะไปแคร์เสียงคนรอบข้างที่ดับฝันของเราไปทำไม? ตราบเท่าที่ใจเราไม่ยอมแก่ หรือใจเราไม่ยอมพิการ แล้วอะไรล่ะจะมาหยุด "มานะแห่งตน" ได้?
อย่างรุ่นพี่ของผมคนนี้ ที่ไม่เคยมอดไฟแห่งการต่อสู้...อายุใกล้ 60 ของเค้า ก็เลยเป็นแค่ตัวเลขขำๆ แค่นั้น ^^
ดังนั้น คนที่ยอมแพ้ตั้งแต่อายุน้อยๆ มักจะฟังเสียงรอบข้างมากกว่าฟังหัวใจตัวเอง หรือคนที่มือเท้าครบแต่ละศักดิ์ศรีแห่งตนไปขอเค้ากิน จึงควรทบทวนและตรองดูใหม่
เพราะใจของเราหรือมิใช่ที่ยอมแพ้...เพราะเราบอกตัวเองว่าไม่ไหวหรือมิใช่?
หากไม่ยอมลงใจและลงแรง แล้วจะเก็บเกี่ยวผลอันหอมหวานของความสำเร็จได้จากที่ใด?
หนุ่มน้อยเอย...สาวน้อยเอย หากแม้นว่าเจ้ายังมีแรง ก็จงสู้ต่อไป...วันนี้สู้แพ้ ใช่ว่าพรุ่งนี้จะพ่าย
เพราะเราจะแพ้อย่างราบคาบ ก็ต่อเมื่อเราถอดใจที่จะสู้แล้วเท่านั้น...ดังนั้นแล้ว จงสู้อย่างมิกลัวพ่าย ขวนขวายอย่างมิท้อถอยนะครับ
Comments
Post a Comment