Post#3-142:
ดูเหมือนว่า การเดินทางไปประเทศเมียนมาร์แบบไปเช้าเย็นกลับ จะกลายเป็นเรื่องปกติของผมไปแล้ว อย่างช่วยไม่ได้
ความจริงผมถือเป็นเรื่องสนุกที่ได้มีโอกาสเรียนรู้ Consumer Behavior และ Marketing Environment ในประเทศต่างๆ
ในแถบ AEC นี้ ผมคิดว่ามีทั้งความคล้ายคลึงและความแตกต่างกันอยู่ในที ขึ้นอยู่กับว่าเป็นสินค้าในธุรกิจหรืออุตสาหกรรมใดมากกว่า
...
เท่าที่ผมสัมผัสมา ทั้งประเทศกัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ และเวียดนาม (รวมที่เรารู้จักกันในนาม CLMV) นั้น ยังมีโอกาสสำหรับการเติบโตอีกมาก
ในมุมมองของผม ถ้าจะพูดว่า CLMV ยังตามหลังประเทศไทยในเรื่องสินค้าและการตลาด ก็คงจะพอพูดได้
หรือพูดให้ถูก ก็ต้องบอกว่าความเข้มข้นในการแข่งขันและการเชือดเฉือนกันในทางธุรกิจในประเทศไทยน่ะ มากกว่า CLMV เยอะ
เพราะความเจริญใน CLMV ยังกระจุกตัวอยู่ในแถบเมืองหลวงและเมืองใหญ่เพียงไม่กี่เมือง นอกนั้นยังถือเป็นสังคมชนบท ที่ซึ่งการตลาดไม่อาจทำหน้าที่ของมันได้อย่างเต็มที่
ลองเปรียบเทียบกับเมืองเล็กๆ ในชนบทของไทยก็ได้ครับ บรรยากาศของการแข่งขันใน CLMV ก็จะประมาณนั้นเหมือนกัน
...
ดังนั้น กรอบความคิดทางการตลาดของเรา จึงพอจะนำไปเป็นแนวทางในประเทศ CLMV ได้ไม่ยาก...หากแต่มันก็มีความแตกต่างในรายละเอียดที่ชวนให้ศึกษาและค้นคว้าอยู่อีกมาก
เช่น ทุกประเทศในแถบ CLMV และเรา ต่างก็นิยมชมชอบกับการหาซื้อของฝาก แต่ของฝากที่แต่ละประเทศนิยมนั้น ต่างก็แตกต่างกันออกไปเป็นต้น
หรืออย่างเรื่องการทำธุรกิจ ก็มักจะเจือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเข้าไปด้วย ซึ่งถือเป็นภาพปกติที่เราเข้าใจและพบเห็นได้ในทุกประเทศของ CLMV รวมถึงประเทศไทย
...
Guru ทางธุรกิจหลายๆ ท่าน ต่างก็ให้คำแนะนำคล้ายๆ กันว่า ในการทำการค้ากับแต่ละประเทศใน AEC นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาปูมหลัง (เช่น ประวัติศาสตร์, วัฒนธรรม และประเพณี) ของพวกเค้าก่อน จากนั้นจึงค่อยศึกษาในเรื่องอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการทำธุรกิจ
เรียกว่า หากไม่หยั่งรู้ภาพรวมให้เข้าใจคนของประเทศนั้นๆ ก็ยากนักที่จะทำธุรกิจให้ตรงใจลูกค้าในประเทศนั้นๆ ได้
เหตุนี้ การมีหุ้นส่วนหรือพันธมิตรท้องถิ่น จึงถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจข้ามชาติ...
สำหรับประเทศในกลุ่ม AEC แล้ว Know-how จึงมิอาจแยกออกจาก Know-who ได้จริงๆ ครับ
ดูเหมือนว่า การเดินทางไปประเทศเมียนมาร์แบบไปเช้าเย็นกลับ จะกลายเป็นเรื่องปกติของผมไปแล้ว อย่างช่วยไม่ได้
ความจริงผมถือเป็นเรื่องสนุกที่ได้มีโอกาสเรียนรู้ Consumer Behavior และ Marketing Environment ในประเทศต่างๆ
ในแถบ AEC นี้ ผมคิดว่ามีทั้งความคล้ายคลึงและความแตกต่างกันอยู่ในที ขึ้นอยู่กับว่าเป็นสินค้าในธุรกิจหรืออุตสาหกรรมใดมากกว่า
...
เท่าที่ผมสัมผัสมา ทั้งประเทศกัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ และเวียดนาม (รวมที่เรารู้จักกันในนาม CLMV) นั้น ยังมีโอกาสสำหรับการเติบโตอีกมาก
ในมุมมองของผม ถ้าจะพูดว่า CLMV ยังตามหลังประเทศไทยในเรื่องสินค้าและการตลาด ก็คงจะพอพูดได้
หรือพูดให้ถูก ก็ต้องบอกว่าความเข้มข้นในการแข่งขันและการเชือดเฉือนกันในทางธุรกิจในประเทศไทยน่ะ มากกว่า CLMV เยอะ
เพราะความเจริญใน CLMV ยังกระจุกตัวอยู่ในแถบเมืองหลวงและเมืองใหญ่เพียงไม่กี่เมือง นอกนั้นยังถือเป็นสังคมชนบท ที่ซึ่งการตลาดไม่อาจทำหน้าที่ของมันได้อย่างเต็มที่
ลองเปรียบเทียบกับเมืองเล็กๆ ในชนบทของไทยก็ได้ครับ บรรยากาศของการแข่งขันใน CLMV ก็จะประมาณนั้นเหมือนกัน
...
ดังนั้น กรอบความคิดทางการตลาดของเรา จึงพอจะนำไปเป็นแนวทางในประเทศ CLMV ได้ไม่ยาก...หากแต่มันก็มีความแตกต่างในรายละเอียดที่ชวนให้ศึกษาและค้นคว้าอยู่อีกมาก
เช่น ทุกประเทศในแถบ CLMV และเรา ต่างก็นิยมชมชอบกับการหาซื้อของฝาก แต่ของฝากที่แต่ละประเทศนิยมนั้น ต่างก็แตกต่างกันออกไปเป็นต้น
หรืออย่างเรื่องการทำธุรกิจ ก็มักจะเจือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเข้าไปด้วย ซึ่งถือเป็นภาพปกติที่เราเข้าใจและพบเห็นได้ในทุกประเทศของ CLMV รวมถึงประเทศไทย
...
Guru ทางธุรกิจหลายๆ ท่าน ต่างก็ให้คำแนะนำคล้ายๆ กันว่า ในการทำการค้ากับแต่ละประเทศใน AEC นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาปูมหลัง (เช่น ประวัติศาสตร์, วัฒนธรรม และประเพณี) ของพวกเค้าก่อน จากนั้นจึงค่อยศึกษาในเรื่องอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการทำธุรกิจ
เรียกว่า หากไม่หยั่งรู้ภาพรวมให้เข้าใจคนของประเทศนั้นๆ ก็ยากนักที่จะทำธุรกิจให้ตรงใจลูกค้าในประเทศนั้นๆ ได้
เหตุนี้ การมีหุ้นส่วนหรือพันธมิตรท้องถิ่น จึงถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจข้ามชาติ...
สำหรับประเทศในกลุ่ม AEC แล้ว Know-how จึงมิอาจแยกออกจาก Know-who ได้จริงๆ ครับ
Comments
Post a Comment