Skip to main content

Post#3-139: คมความคิดแห่ง Warren Buffett

Post#3-139:
หนึ่งใน Guru แห่งธุรกิจที่ทั่วโลกต่างก็ให้การยอมรับ ย่อมต้องมีชื่อของ Warren Buffett อยู่ด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย

ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใช้ชีวิต, แนวความคิด รวมไปถึงวาทะของลุง Warren ล้วนแล้วแต่ควรนำไปเป็นแบบอย่างโดยแท้ (ด้วยความนับถือ ผมเลยขออนุญาตเรียก "คุณลุง" นะครับ)

ผมไปเจอวาทะของลุง Warren โดยบังเอิญ และต้องสารภาพว่า อ่านบางข้อแล้ว รู้สึกเหมือนกำลังโดนลุง Warren มาต่อว่าอยู่ตรงหน้าเลยก็ไม่ปาน

ลองอ่านแล้วคิดตามคุณลุง Warren กันดูนะครับ

...

Excellent Quotes by Warren Buffett: (วาทะสะท้านใจของ Warren Buffet:)

On Earning: Never depend on single income. Make investment to create a second source. (ในเรื่องรายได้: จงอย่าให้ชีวิตขึ้นอยู่กับรายได้จากแหล่งเดียว จงลงทุนเพื่อสร้างแหล่งรายได้ที่สอง)

On Spending: If you buy things you do not need, soon you will have to sell things you need. (ในเรื่องการใช้จ่าย: ถ้าคุณซื้อแต่ของที่คุณไม่ได้ต้องการจริงๆ, ในที่สุดแล้ว คุณก็จำต้องขายของที่คุณจำเป็นจริงๆ ไป)

On Savings: Do not save what is left after spending, but spend what is left after saving. (ในเรื่องการออม: จงอย่าออมเงินหลังจากการใช้จ่าย, แต่จงใช้จ่ายเฉพาะส่วนที่เหลือจากการออม)

On Taking Risk: Never test the depth of river with both the feet. (ในเรื่องความเสี่ยง: จงอย่าหยั่งความลึกของสายน้ำด้วยเท้าทั้งสองข้าง)

On Investment: Do not put all eggs in one basket. (ในเรื่องการลงทุน: จงอย่านำไข่ทุกฟองที่มีใส่ไว้ในตะกร้าเพียงใบเดียว)

On Expectations: Honesty is very expensive gift. Do not expect it from cheap people. (ในเรื่องความคาดหวัง: ความสัตย์ซื่อเป็นของขวัญอันล้ำค่า ดังนั้นจงอย่าคาดหวังว่าจะได้มันจากพวกไร้ค่า)

...

จากวาทะทั้ง 6 ข้อ, หากต้องการให้ตัวเราได้ประโยชน์ ผมสนับสนุนให้คิดตามไปด้วยครับ...

เป็นความจริงอันยากจะปฏิเสธที่ว่า คนส่วนใหญ่มักจะทำตรงข้ามกับที่ลุง Warren แนะนำ...

และนั่นย่อมเป็นเหตุผลว่า ทำไมคนที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวยที่สุด 1% ของโลก จึงครอบครองความมั่งคั่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก

Cr: http://www.kiitdoo.com/รวย-สินทรัพย์-เศรษฐกิจ/

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...