Post#3-141:
วันนี้ขออนุญาตชวนนั่ง Time Machine ย้อนเวลาไปตอนสมัยเราเป็นเด็กประถมกันหน่อยนะครับ
ยังพอจำได้มั๊ยครับ ว่าเราเกือบจะทุกคนน่าจะมีเพื่อนประเภท ไม่เคยทำการบ้าน อาศัยมาตีหน้าเศร้า ขอลอกการบ้านได้ทุกเช้า
และเพื่อนอีกแบบก็จะประมาณนั่งน้ำลายหก ดูเพื่อนทานขนม จนเพื่อนใจอ่อนต้องแบ่งให้
ผมเองก็มีเพื่อนทั้ง 2 แบบนี้เลยครับ และก็ยังไม่เคยลืมว่า ตอนที่ผมตัดสินใจไม่ยอมให้ลอกการบ้านและไม่แบ่งขนมให้น่ะ เพื่อนทั้ง 2 แบบนี้ แสดงกิริยาเช่นใด
...
มาถึงวันนี้ ที่ผมและทุกๆ ท่านต่างก็เติบโตทำงานทำการกันหมดแล้ว และแน่นอนว่าเพื่อนทั้ง 2 แบบนี้ ก็เติบโตขึ้นมาพร้อมๆ กับเรา
แม้จะไม่มีการบ้านให้ลอกและไม่มีขนมให้ไถ...แต่พวกเค้าก็ยังหาวิธีเอาเปรียบเราได้อยู่ดี
นึกออกมั๊ยครับ ว่าเค้าทำแบบไหน? ผมให้เวลา 3 นาทีครับ
...
ถ้านึกไม่ออกว่า พวกเค้าเอาเปรียบเราแบบไหน...ผมขออนุญาตแชร์มุมมองผมก็แล้วกันครับ
ผมคิดว่า คนที่ทำเรื่องเดิมผิดแบบซ้ำๆ ซากๆ โดยไม่คิดจะแก้ไขนั้น ก็ไม่ต่างจากเด็กขี้ลอกและเด็กขี้ขอเลย
ผู้ใหญ่ไม่รู้จักโตพวกนี้ ก็มักจะมาขอร้องอ้อนวอนให้เราช่วย พอเราใจอ่อนยอมช่วยแก้ปัญหาให้ ก็ถอนหายใจโล่งอก แต่ไม่เคยคิดจะเรียนรู้ ปล่อยปละจนปัญหาเกิดขึ้นอีก แล้วก็ร้องขอความเห็นใจและขอความช่วยเหลืออยู่ร่ำไป
แน่นอนว่า เวลาที่เสียไปและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น (จากการที่เราไปช่วยพวกเค้านั้น) เราก็มักจะต้องเป็นฝ่ายเดือดร้อน โดยที่พวกเค้าก็จะบอกว่า ถือเสียว่าช่วยเหลือกันเถอะ เค้าไม่มีจริงๆ เดือดร้อนจริงๆ
เรียกว่า ใครเสียหายเท่าไหร่ ฉันไม่รับรู้, รู้แต่ฉันต้องไม่เสียอะไรหรือเสียน้อยที่สุด เป็นพอ
ต่างมั๊ยล่ะครับ เมื่อเทียบกับ "เด็กขี้ลอก" ที่มาฟูมฟายขอลอกการบ้าน และ "เด็กขี้ขอ" ที่มานั่งน้ำลายหก เบียดบังขนมเพื่อน แต่ตัวเองเก็บเงินกลับบ้านไปหยอดกระปุก?
...
แต่เด็กทั้ง 2 แบบน่ะ อาจจะทำไปเพราะความย่อหย่อนในความรับผิดชอบ ประกอบกับความไม่เดียงสา
ส่วนผู้ใหญ่ที่ทำตัวเสมือนเด็กทั้ง 2 แบบนี้น่ะ ไม่ต้องมาบอกหรอกครับ ว่า "รู้เท่าไม่ถึงการณ์"...
ยอมรับเถอะครับ ว่าตัวเองน่ะ มีสติและสัมปชัญญะครบถ้วน...จะขาดก็แต่ "สำนึก" ก็เท่านั้นเอง
...
ที่สำคัญ เมื่อต้วเองเคยได้รับความช่วยเหลือบ่อยๆ ก็เลยเคยตัว และเมื่อไหร่ก็ตาม เราเลิกช่วย เค้าก็พร้อมทันทีที่จะตราหน้าเราว่า "แล้งน้ำใจ"
และน่าขันที่ "เด็กขี้ลอก" และ "เด็กขี้ขอ" เหล่านี้ มักจะนำเราไปบริภาษให้คนอื่นฟัง โดยลืมคิดไปว่า เค้ากำลังเล่าเรื่องไม่ดีของตัวเองอยู่
ใครที่เผลอไผลปล่อยให้นิสัยไม่ดีจนฝังรากลึก...ระวังจะโดนเรียกเป็น "ผู้ใหญ่เหลือขอ" นะครับ
วันนี้ขออนุญาตชวนนั่ง Time Machine ย้อนเวลาไปตอนสมัยเราเป็นเด็กประถมกันหน่อยนะครับ
ยังพอจำได้มั๊ยครับ ว่าเราเกือบจะทุกคนน่าจะมีเพื่อนประเภท ไม่เคยทำการบ้าน อาศัยมาตีหน้าเศร้า ขอลอกการบ้านได้ทุกเช้า
และเพื่อนอีกแบบก็จะประมาณนั่งน้ำลายหก ดูเพื่อนทานขนม จนเพื่อนใจอ่อนต้องแบ่งให้
ผมเองก็มีเพื่อนทั้ง 2 แบบนี้เลยครับ และก็ยังไม่เคยลืมว่า ตอนที่ผมตัดสินใจไม่ยอมให้ลอกการบ้านและไม่แบ่งขนมให้น่ะ เพื่อนทั้ง 2 แบบนี้ แสดงกิริยาเช่นใด
...
มาถึงวันนี้ ที่ผมและทุกๆ ท่านต่างก็เติบโตทำงานทำการกันหมดแล้ว และแน่นอนว่าเพื่อนทั้ง 2 แบบนี้ ก็เติบโตขึ้นมาพร้อมๆ กับเรา
แม้จะไม่มีการบ้านให้ลอกและไม่มีขนมให้ไถ...แต่พวกเค้าก็ยังหาวิธีเอาเปรียบเราได้อยู่ดี
นึกออกมั๊ยครับ ว่าเค้าทำแบบไหน? ผมให้เวลา 3 นาทีครับ
...
ถ้านึกไม่ออกว่า พวกเค้าเอาเปรียบเราแบบไหน...ผมขออนุญาตแชร์มุมมองผมก็แล้วกันครับ
ผมคิดว่า คนที่ทำเรื่องเดิมผิดแบบซ้ำๆ ซากๆ โดยไม่คิดจะแก้ไขนั้น ก็ไม่ต่างจากเด็กขี้ลอกและเด็กขี้ขอเลย
ผู้ใหญ่ไม่รู้จักโตพวกนี้ ก็มักจะมาขอร้องอ้อนวอนให้เราช่วย พอเราใจอ่อนยอมช่วยแก้ปัญหาให้ ก็ถอนหายใจโล่งอก แต่ไม่เคยคิดจะเรียนรู้ ปล่อยปละจนปัญหาเกิดขึ้นอีก แล้วก็ร้องขอความเห็นใจและขอความช่วยเหลืออยู่ร่ำไป
แน่นอนว่า เวลาที่เสียไปและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น (จากการที่เราไปช่วยพวกเค้านั้น) เราก็มักจะต้องเป็นฝ่ายเดือดร้อน โดยที่พวกเค้าก็จะบอกว่า ถือเสียว่าช่วยเหลือกันเถอะ เค้าไม่มีจริงๆ เดือดร้อนจริงๆ
เรียกว่า ใครเสียหายเท่าไหร่ ฉันไม่รับรู้, รู้แต่ฉันต้องไม่เสียอะไรหรือเสียน้อยที่สุด เป็นพอ
ต่างมั๊ยล่ะครับ เมื่อเทียบกับ "เด็กขี้ลอก" ที่มาฟูมฟายขอลอกการบ้าน และ "เด็กขี้ขอ" ที่มานั่งน้ำลายหก เบียดบังขนมเพื่อน แต่ตัวเองเก็บเงินกลับบ้านไปหยอดกระปุก?
...
แต่เด็กทั้ง 2 แบบน่ะ อาจจะทำไปเพราะความย่อหย่อนในความรับผิดชอบ ประกอบกับความไม่เดียงสา
ส่วนผู้ใหญ่ที่ทำตัวเสมือนเด็กทั้ง 2 แบบนี้น่ะ ไม่ต้องมาบอกหรอกครับ ว่า "รู้เท่าไม่ถึงการณ์"...
ยอมรับเถอะครับ ว่าตัวเองน่ะ มีสติและสัมปชัญญะครบถ้วน...จะขาดก็แต่ "สำนึก" ก็เท่านั้นเอง
...
ที่สำคัญ เมื่อต้วเองเคยได้รับความช่วยเหลือบ่อยๆ ก็เลยเคยตัว และเมื่อไหร่ก็ตาม เราเลิกช่วย เค้าก็พร้อมทันทีที่จะตราหน้าเราว่า "แล้งน้ำใจ"
และน่าขันที่ "เด็กขี้ลอก" และ "เด็กขี้ขอ" เหล่านี้ มักจะนำเราไปบริภาษให้คนอื่นฟัง โดยลืมคิดไปว่า เค้ากำลังเล่าเรื่องไม่ดีของตัวเองอยู่
ใครที่เผลอไผลปล่อยให้นิสัยไม่ดีจนฝังรากลึก...ระวังจะโดนเรียกเป็น "ผู้ใหญ่เหลือขอ" นะครับ
Comments
Post a Comment