Post#3-140:
ผมเชื่อว่า เกือบจะทุกคนคงเคยฝากงานให้เพื่อนช่วยจัดการกันบ้าง...อาจจะเพราะทำงานไม่ทัน, ไม่สบาย, ลากิจ, ลาพักร้อน หรือจะด้วยเหตุอะไรก็ตาม
...แต่ผมขอกระซิบเตือนว่า เราฝากงานได้...แต่เราไม่อาจโอนความรับผิดชอบได้นะครับ
เมื่อโอนงานของตัวเองไปให้คนอื่นทำแล้ว หลายๆ คนก็มักจะสรุปเองว่า ความรับผิดชอบในผลลัพธ์ของงาน จะต้องโอนตามไปด้วย
ในความเป็นจริงแล้ว คุณเองต่างหากที่ยังต้องรับผิดชอบงานนั้น จนกว่าจะส่งมอบงานได้ตรงตามความต้องการของนาย, เพื่อนร่วมงาน หรือลูกค้า
ว่าแล้วผมลองยกกรณีสมมติให้ฟังสักเรื่องก็แล้วกันนะครับ
...
คุณแม่ให้เงิน Mr.X ไปซื้อกับข้าวที่ตลาด กำชับว่า ให้จัดการให้เรียบร้อยนะ จะเอามาทำกับข้าวมื้อเย็น แล้วท่านก็รีบออกจากบ้านไปทำธุระอย่างอื่น
Mr.X รับปากท่านเรียบร้อย แต่แล้วก็ไปจ่ายกับข้าวไม่ได้ เพราะลืมไปว่า นัดเพื่อนมาทำรายงานที่บ้านไว้พอดี
ไวเท่าความคิด Mr.X ก็เลยใช้น้องไปซื้อแทน ว่าแล้วก็ทำรายงานกับเพื่อนจนเย็นย่ำ จนเพื่อนลากลับไป
คล้อยหลังเพื่อนไปไม่นาน คุณแม่ท่านกลับมา แล้วก็ถามหากับข้าวที่สั่งเอาไว้...ทันทีนั้น Mr.X จึงค่อยนึกได้ว่า "เออ ใช่ แม่สั่งงานไว้นี่นา" ว่าแล้ว Mr.X ก็ไล่เบี้ยไปหาน้อง
ปรากฏว่า น้องก็ไม่ได้ไปซื้อกับข้าวตามที่ Mr.X บอกให้ทำ พร้อมเหตุผลที่ว่า แม่สั่งใคร คนนั้นก็ต้องรับผิดชอบสิ ตัวเค้าก็ยุ่งๆ อยู่
...
ผมทิ้งตอนจบของเรื่องไว้ให้คิดต่อเอาเองนะครับ...ว่าชะตากรรมของ Mr.X และน้องจะเป็นเช่นไร
แต่อยากจะขอสมมติอีกทีว่า ถ้าไม่อยากให้เหตุการณ์ลงเอยแย่แบบนี้ หากคุณเป็น Mr.X จะทำอะไรได้บ้าง ตั้งแต่รู้ตัวว่าไปซื้อกับข้าวไม่ได้?
ให้เวลาคิด 5 นาทีครับ
...
คำตอบก็แล้วแต่มุมมองนะครับ แต่ถ้าผมเป็น Mr.X ผมคิดว่า เรามีทางเลือกให้ทำได้หลายวิธี เพื่อไม่ให้เรื่องมันจบแย่แบบนี้
เริ่มตั้งแต่ต้น เมื่อนึกออกว่า ต้องทำรายงานกับเพื่อน ผมจะโทรเรียนให้แม่ทราบก่อน พร้อมเสนอทางเลือกให้แม่ว่า แม่ซื้อเข้ามาเองได้มั๊ย หรือจะให้ผมบอกน้องให้ไปซื้อ?
ถ้าแม่ซื้อเข้ามาเองก็จบ แต่เอาล่ะ สมมติว่าแม่เลือกให้น้องทำแทน เราจึงสามารถบอกน้องให้จัดการแทนได้โดยชอบธรรม และแน่นอนว่าถ้าน้องไม่เชื่อ เราต่อสายให้แม่สั่งงานตรงก็ได้
ต่อให้น้องไม่ยอมทำ อย่างแย่ที่สุด แม่ก็จะเผื่อเวลาซื้อกับข้าวมาเอง ไม่ก็สั่ง Food Delivery และทุกคนก็จะไม่ต้องอดข้าวเย็น ไม่มีใครต้องอารมณ์เสียจนเกินไปนัก
...
แต่ที่เรื่องทั้งหมดมันแย่ ผมว่าเราคงโทษใครไม่ได้นอกจาก Mr.X ที่รับปากแม่แล้ว แต่ไม่ทำงานให้ลุล่วง
เมื่อติดปัญหาก็ไม่บอก ครั้นโอนงานไปให้น้อง ก็ไม่ได้ติดตามต่อว่า งานจะสำเร็จมั๊ย?
สุดท้าย เมื่องานล้มเหลว คุณเป็น Mr.X ยังจะบอกแม่มั๊ยว่า "แม่โกรธผมไม่ได้นะ ผมไม่ผิด แต่เป็นน้องนั่นแหละที่ผิด ผมโอนงานไปแล้ว แต่น้องไม่ยอมทำเองนี่นา"
...ผมถึงได้บอกในตอนต้นว่า เราโอนงานหรือฝากงานให้คนอื่นทำได้ แต่เราโอนหน้าที่ความรับผิดชอบไม่ได้
...
ถ้าคุณเลือกทำอย่างที่ Mr.X แก้ตัว...ผมแทบจะฟันธงได้เลยว่า คงยาก ที่คุณจะมีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
หากคุณเคยทำผิดเช่น Mr.X มาแล้ว หรือกำลังเผชิญสถานการณ์แบบนี้อยู่...มันคงไม่ยากและสายจนเกินไป ที่คุณจะลุกขึ้นมาแสดงความรับผิดชอบ
คุณอาจโชคดีที่แม่ใจดี หรือคุณอาจโชคดีที่นายไม่เอาเรื่อง...แต่ขอโทษที่ผมต้องบอกคุณตรงๆ ว่า คุณได้ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจที่แม่ (เพื่อนร่วมงาน, เจ้านาย หรือลูกค้า) มีให้คุณไปแล้ว
และหากคุณแก้ปัญหาด้วยการปัดสวะให้พ้นตัว อย่างที่ Mr.X ทำ...ผมยิ่งต้องแสดงความเสียใจกับคุณเพิ่มเติม เพราะคุณพึ่งปิดประตูก้าวหน้าของคุณไปแล้วเช่นกัน
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่สำนึกได้...คุณอาจได้ไปต่อ แต่ถ้าคุณยังไม่รู้สำนึก เห็นทีว่าอนาคตของคุณคงมืดมัวกว่าที่คุณจะจินตนาการไปถึง...
ผมเชื่อว่า เกือบจะทุกคนคงเคยฝากงานให้เพื่อนช่วยจัดการกันบ้าง...อาจจะเพราะทำงานไม่ทัน, ไม่สบาย, ลากิจ, ลาพักร้อน หรือจะด้วยเหตุอะไรก็ตาม
...แต่ผมขอกระซิบเตือนว่า เราฝากงานได้...แต่เราไม่อาจโอนความรับผิดชอบได้นะครับ
เมื่อโอนงานของตัวเองไปให้คนอื่นทำแล้ว หลายๆ คนก็มักจะสรุปเองว่า ความรับผิดชอบในผลลัพธ์ของงาน จะต้องโอนตามไปด้วย
ในความเป็นจริงแล้ว คุณเองต่างหากที่ยังต้องรับผิดชอบงานนั้น จนกว่าจะส่งมอบงานได้ตรงตามความต้องการของนาย, เพื่อนร่วมงาน หรือลูกค้า
ว่าแล้วผมลองยกกรณีสมมติให้ฟังสักเรื่องก็แล้วกันนะครับ
...
คุณแม่ให้เงิน Mr.X ไปซื้อกับข้าวที่ตลาด กำชับว่า ให้จัดการให้เรียบร้อยนะ จะเอามาทำกับข้าวมื้อเย็น แล้วท่านก็รีบออกจากบ้านไปทำธุระอย่างอื่น
Mr.X รับปากท่านเรียบร้อย แต่แล้วก็ไปจ่ายกับข้าวไม่ได้ เพราะลืมไปว่า นัดเพื่อนมาทำรายงานที่บ้านไว้พอดี
ไวเท่าความคิด Mr.X ก็เลยใช้น้องไปซื้อแทน ว่าแล้วก็ทำรายงานกับเพื่อนจนเย็นย่ำ จนเพื่อนลากลับไป
คล้อยหลังเพื่อนไปไม่นาน คุณแม่ท่านกลับมา แล้วก็ถามหากับข้าวที่สั่งเอาไว้...ทันทีนั้น Mr.X จึงค่อยนึกได้ว่า "เออ ใช่ แม่สั่งงานไว้นี่นา" ว่าแล้ว Mr.X ก็ไล่เบี้ยไปหาน้อง
ปรากฏว่า น้องก็ไม่ได้ไปซื้อกับข้าวตามที่ Mr.X บอกให้ทำ พร้อมเหตุผลที่ว่า แม่สั่งใคร คนนั้นก็ต้องรับผิดชอบสิ ตัวเค้าก็ยุ่งๆ อยู่
...
ผมทิ้งตอนจบของเรื่องไว้ให้คิดต่อเอาเองนะครับ...ว่าชะตากรรมของ Mr.X และน้องจะเป็นเช่นไร
แต่อยากจะขอสมมติอีกทีว่า ถ้าไม่อยากให้เหตุการณ์ลงเอยแย่แบบนี้ หากคุณเป็น Mr.X จะทำอะไรได้บ้าง ตั้งแต่รู้ตัวว่าไปซื้อกับข้าวไม่ได้?
ให้เวลาคิด 5 นาทีครับ
...
คำตอบก็แล้วแต่มุมมองนะครับ แต่ถ้าผมเป็น Mr.X ผมคิดว่า เรามีทางเลือกให้ทำได้หลายวิธี เพื่อไม่ให้เรื่องมันจบแย่แบบนี้
เริ่มตั้งแต่ต้น เมื่อนึกออกว่า ต้องทำรายงานกับเพื่อน ผมจะโทรเรียนให้แม่ทราบก่อน พร้อมเสนอทางเลือกให้แม่ว่า แม่ซื้อเข้ามาเองได้มั๊ย หรือจะให้ผมบอกน้องให้ไปซื้อ?
ถ้าแม่ซื้อเข้ามาเองก็จบ แต่เอาล่ะ สมมติว่าแม่เลือกให้น้องทำแทน เราจึงสามารถบอกน้องให้จัดการแทนได้โดยชอบธรรม และแน่นอนว่าถ้าน้องไม่เชื่อ เราต่อสายให้แม่สั่งงานตรงก็ได้
ต่อให้น้องไม่ยอมทำ อย่างแย่ที่สุด แม่ก็จะเผื่อเวลาซื้อกับข้าวมาเอง ไม่ก็สั่ง Food Delivery และทุกคนก็จะไม่ต้องอดข้าวเย็น ไม่มีใครต้องอารมณ์เสียจนเกินไปนัก
...
แต่ที่เรื่องทั้งหมดมันแย่ ผมว่าเราคงโทษใครไม่ได้นอกจาก Mr.X ที่รับปากแม่แล้ว แต่ไม่ทำงานให้ลุล่วง
เมื่อติดปัญหาก็ไม่บอก ครั้นโอนงานไปให้น้อง ก็ไม่ได้ติดตามต่อว่า งานจะสำเร็จมั๊ย?
สุดท้าย เมื่องานล้มเหลว คุณเป็น Mr.X ยังจะบอกแม่มั๊ยว่า "แม่โกรธผมไม่ได้นะ ผมไม่ผิด แต่เป็นน้องนั่นแหละที่ผิด ผมโอนงานไปแล้ว แต่น้องไม่ยอมทำเองนี่นา"
...ผมถึงได้บอกในตอนต้นว่า เราโอนงานหรือฝากงานให้คนอื่นทำได้ แต่เราโอนหน้าที่ความรับผิดชอบไม่ได้
...
ถ้าคุณเลือกทำอย่างที่ Mr.X แก้ตัว...ผมแทบจะฟันธงได้เลยว่า คงยาก ที่คุณจะมีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
หากคุณเคยทำผิดเช่น Mr.X มาแล้ว หรือกำลังเผชิญสถานการณ์แบบนี้อยู่...มันคงไม่ยากและสายจนเกินไป ที่คุณจะลุกขึ้นมาแสดงความรับผิดชอบ
คุณอาจโชคดีที่แม่ใจดี หรือคุณอาจโชคดีที่นายไม่เอาเรื่อง...แต่ขอโทษที่ผมต้องบอกคุณตรงๆ ว่า คุณได้ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจที่แม่ (เพื่อนร่วมงาน, เจ้านาย หรือลูกค้า) มีให้คุณไปแล้ว
และหากคุณแก้ปัญหาด้วยการปัดสวะให้พ้นตัว อย่างที่ Mr.X ทำ...ผมยิ่งต้องแสดงความเสียใจกับคุณเพิ่มเติม เพราะคุณพึ่งปิดประตูก้าวหน้าของคุณไปแล้วเช่นกัน
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่สำนึกได้...คุณอาจได้ไปต่อ แต่ถ้าคุณยังไม่รู้สำนึก เห็นทีว่าอนาคตของคุณคงมืดมัวกว่าที่คุณจะจินตนาการไปถึง...
Comments
Post a Comment