Post#3-145:
หนึ่งในความสนุกของการเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจ ก็คือการที่ได้มีโอกาสเรียนรู้ธุรกิจใหม่ๆ และเรื่องใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
ซึ่งนี่ก็ถือเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผมชอบและหลงใหลในงานที่ปรึกษาทางธุรกิจเป็นที่สุด...
โดยเฉพาะในวินาทีที่ผมคิดหาทางออกให้กับเจ้าของธุรกิจได้...มันเป็นเหมือนชั่วขณะที่เสมือนจะมีดอกไม้ไฟนับร้อยนับพันเปล่งประกายอยู่ตรงหน้า
...
จะว่าไป งานของผมนั้นก็คล้ายกับงานของหมอ...ต่างกันตรงที่หมอรักษาไข้คน แต่งานของผมรักษาไข้ธุรกิจ
แม้งานของผมจะไม่ยิ่งใหญ่เท่าหมอ...แต่ผมก็ภูมิใจและยินดีทุกครั้ง ที่ลูกค้าได้นำแนวทางที่ผมเสนอ ไปใช้แล้วได้ผล
...
แต่รู้อะไรมั๊ยครับ...ว่าแม้ผมจะเป็นที่ปรึกษาธุรกิจให้กับหลากหลายองค์กร แต่บ่อยครั้งไม่น้อยที่ผมก็ต้องนำปัญหาของบริษัทตัวเองไปหารือกับคนอื่นๆ เช่นกัน
คงคล้ายๆ กับหมอผ่าตัดที่แม้จะเก่งกล้าสักปานใด...แต่ก็ทำใจได้ยาก หากต้องเป็นคนผ่าตัดลูกหรือญาติสนิทของตัวเอง
การที่คุณเป็นหมอ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่ป่วย เช่นกันกับว่า แม้คุณจะเชี่ยวชาญในธุรกิจสักปานใด ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณจะทำงานสำเร็จได้ทุกครั้งไป
...
บ่อยครั้ง เราจึงมิอาจละเลยเสียงเตือน, ความเห็น หรือแม้กระทั่งคำตำหนิ จากคนรอบข้างได้...
การที่ผมบอกว่า มิอาจละเลยนั้น มิได้หมายความว่า เราต้องทำตามคนอื่นอยู่ร่ำไป...ผมเพียงแต่หมายความว่า เมื่อมีเสียงต่างๆ มาเข้าหู เราก็ควรนำมาพิจารณา ใคร่ครวญ และวิเคราะห์ และที่สำคัญ จะต้องเห็นถึงเจตนาในเสียงนั้นเป็นหลัก...
หากพิจารณาโดยมีอคติน้อยที่สุดแล้ว จะตัดสินใจอย่างไรล้วนขึ้นอยู่กับตัวเราเป็นสำคัญ
ฝากเตือนใจไว้นิดเถอะครับ...ว่าอย่ามั่นใจและปักใจจนเกินงาม ว่าเรานี้เก่งกล้าที่สุดจนไม่ต้องฟังเสียงใคร
มั่นใจต่างจากอหังการ์ ฉันใด เก่งกล้าก็ต่างจากบ้าบิ่น ฉันนั้น...
หนึ่งในความสนุกของการเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจ ก็คือการที่ได้มีโอกาสเรียนรู้ธุรกิจใหม่ๆ และเรื่องใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
ซึ่งนี่ก็ถือเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผมชอบและหลงใหลในงานที่ปรึกษาทางธุรกิจเป็นที่สุด...
โดยเฉพาะในวินาทีที่ผมคิดหาทางออกให้กับเจ้าของธุรกิจได้...มันเป็นเหมือนชั่วขณะที่เสมือนจะมีดอกไม้ไฟนับร้อยนับพันเปล่งประกายอยู่ตรงหน้า
...
จะว่าไป งานของผมนั้นก็คล้ายกับงานของหมอ...ต่างกันตรงที่หมอรักษาไข้คน แต่งานของผมรักษาไข้ธุรกิจ
แม้งานของผมจะไม่ยิ่งใหญ่เท่าหมอ...แต่ผมก็ภูมิใจและยินดีทุกครั้ง ที่ลูกค้าได้นำแนวทางที่ผมเสนอ ไปใช้แล้วได้ผล
...
แต่รู้อะไรมั๊ยครับ...ว่าแม้ผมจะเป็นที่ปรึกษาธุรกิจให้กับหลากหลายองค์กร แต่บ่อยครั้งไม่น้อยที่ผมก็ต้องนำปัญหาของบริษัทตัวเองไปหารือกับคนอื่นๆ เช่นกัน
คงคล้ายๆ กับหมอผ่าตัดที่แม้จะเก่งกล้าสักปานใด...แต่ก็ทำใจได้ยาก หากต้องเป็นคนผ่าตัดลูกหรือญาติสนิทของตัวเอง
การที่คุณเป็นหมอ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่ป่วย เช่นกันกับว่า แม้คุณจะเชี่ยวชาญในธุรกิจสักปานใด ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณจะทำงานสำเร็จได้ทุกครั้งไป
...
บ่อยครั้ง เราจึงมิอาจละเลยเสียงเตือน, ความเห็น หรือแม้กระทั่งคำตำหนิ จากคนรอบข้างได้...
การที่ผมบอกว่า มิอาจละเลยนั้น มิได้หมายความว่า เราต้องทำตามคนอื่นอยู่ร่ำไป...ผมเพียงแต่หมายความว่า เมื่อมีเสียงต่างๆ มาเข้าหู เราก็ควรนำมาพิจารณา ใคร่ครวญ และวิเคราะห์ และที่สำคัญ จะต้องเห็นถึงเจตนาในเสียงนั้นเป็นหลัก...
หากพิจารณาโดยมีอคติน้อยที่สุดแล้ว จะตัดสินใจอย่างไรล้วนขึ้นอยู่กับตัวเราเป็นสำคัญ
ฝากเตือนใจไว้นิดเถอะครับ...ว่าอย่ามั่นใจและปักใจจนเกินงาม ว่าเรานี้เก่งกล้าที่สุดจนไม่ต้องฟังเสียงใคร
มั่นใจต่างจากอหังการ์ ฉันใด เก่งกล้าก็ต่างจากบ้าบิ่น ฉันนั้น...
Comments
Post a Comment