Skip to main content

Post#3-119: Creativity

Post#3-119:
ยุคนี้สมัยนี้ แค่เป็นคนดี หรือขยันตั้งหน้าตาทำงานอย่างเดียวน่ะคงไม่พอครับ...หลายๆ ครั้ง เราจึงมักได้ยินเจ้านายทั้งหลายออกมาเรียกร้องให้ลูกน้องต้องมี "ความคิดสร้างสรรค์" ร่วมด้วย

อันว่า "ความคิดสร้างสรรค์" หรือ Creativity นี้ ส่วนตัวแล้วผมมองว่า มันเป็นคำที่ตีความยาก และเป็นเรื่องที่ค่อนข้าง Subjective (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)

อะไรที่เรียกว่า "ความคิดสร้างสรรค์" แล้วอะไรที่เรียกว่า "เพ้อเจ้อ"?

...

หลายปีที่ผ่านมา เรามักจะได้ยินคำว่า Think out of Box หรือ "คิดนอกกรอบ" ซึ่งผมสรุปและเข้าใจเอาเองว่า มันถือเป็นนิยามที่สั้นและกระชับที่สุด ของ "ความคิดสร้างสรรค์"

ผมคงไม่กล้าจะสรุปว่า อะไรเรียกว่า "สร้างสรรค์" และอะไรเรียกว่า "เพ้อเจ้อ" แต่ที่พอจะฟันธงได้บ้างก็คือ ไม่ว่าจะ "สร้างสรรค์" หรือ "เพ้อเจ้อ" ล้วนต้องเริ่มต้นด้วย "ความกล้า"

กล้าในที่นี้ก็คือ กล้าที่จะฉีกออกจากวิธีคิดเดิมๆ บ้าง นั่นเอง...อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ ถ้าผมจะบอกว่า "Creativity is created out of our Comfort Zone of Thinking." (ความคิดสร้างสรรค์นั้น ถูกสรรสร้างขึ้นนอกกรอบความคิดเดิมๆ ของเรา)

Joseph Clilton Pearce (นักเขียนชาวอเมริกัน ผู้ชำนาญเรื่อง Human Development) พูดถึง Creativity ไว้ว่า...

"To live a creative life, we must lose our fear of being wrong." ซึ่งแปลว่า "ในการจะใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ เราจะต้องละทิ้งความกลัวที่จะผิดพลาดเสียก่อน"

...

อย่าพึ่งหลงประเด็นนะครับ...การมีความคิดสร้างสรรค์ไม่ได้เป็นตัวการันตีความสำเร็จ หากแต่มัน "อาจจะ" เป็นก้าวแรกที่นำเราไปสู่ความสำเร็จ ก็เป็นได้

ถ้าวันนี้รู้สึกว่า ชีวิตไม่ไปข้างหน้า หรืองานเริ่มจะไม่มีความท้าทายใหม่ๆ ก็อาจจะถึงเวลาที่เราจะมาเติมสีสันแห่งความท้าทายใหม่ๆ ด้วย Creativity แล้วล่ะครับ

ถึงตรงนี้ ผมต้องย้ำว่า อย่ากลัวว่าทำแบบใหม่ๆ แล้วจะผิดพลาด...เพราะการลองอะไรใหม่ๆ เราต้องเจอความผิดพลาดแน่ๆ

สำคัญว่า เมื่อผิดพลาดแล้ว...เรียนรู้อะไรจากมันบ้างรึเปล่า ต่างหาก

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...