Post#3-135:
เช้านี้ผมมีเหตุให้ต้องประชุมเคร่งเครียดกับ Partner คนหนึ่ง เพราะมีประเด็นที่เข้าใจไม่ตรงกันหลายเรื่อง
แม้ว่าโดยส่วนตัว ผมอาจจะมีประเด็นไม่ค่อยลงรอยกับเค้าอยู่บ้าง แต่ผมคิดว่า คนเราต้องรู้จักแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน
ที่พูดแบบนี้ ไม่ใช่จะมาเล่าเรื่อง "ยกหาง" ต้วเอง แต่ผมคิดว่า หลายๆ คนคงเคยพลาดเอาเรื่องส่วนตัวมาพันกับเรื่องงาน ทำให้เกิดความเสียหายขึ้นกันมาบ้าง...ผมเองก็เคยพลาด
แต่การรอสมน้ำหน้าคนอื่นน่ะ...สุดท้ายแล้ว มันเป็นเรื่องดีกับตัวเราจริงๆ รึเปล่านะ?
...
สมมติว่า เรามีอันต้องขึ้นเรือไปกับคนที่เราไม่ชอบขี้หน้า แล้วบังเอิญให้เรือรั่ว...ถ้าไม่ทำอะไรเลย คงมีหวังไม่รอดทั้งคู่ ถามว่าคุณจะยังมัวแต่รังเกียจรังงอน หรือเลือกที่จะร่วมมือกับคนที่คุณไม่ชอบหน้า?
หรือหากคุณเห็นคนที่คุณไม่ชอบหน้ากำลังจะทำงานผิดพลาด...คุณเลือกที่จะปล่อยให้เค้าทำผิด เพื่อรอสมน้ำหน้า หรือเลือกที่จะช่วยเค้า?
จริงอยู่ว่า แต่ละคนมีหน้าที่ที่ต่างต้องรับผิดชอบ...และไม่ผิด หากเราจะดูดายไม่ช่วย
หากแต่ คุณมั่นใจได้ยังไงว่า การปล่อยให้คนที่อยู่บนเรือลำเดียวกับคุณตายไปต่อหน้า หรือปล่อยให้คนที่อยู่ในองค์กรเดียวกับคุณสร้างข้อผิดพลาดขึ้น จะไม่ทำให้คุณเดือดร้อนตามไปด้วย?
...
ปลาเน่าตัวเดียวทำให้เหม็นทั้งข้องฉันใด ความผิดพลาดของใครคนใดคนหนึ่งในองค์กร อาจส่งผลให้ทั้งองค์กรไปสู่จุดจบได้โดยง่าย
หากวันนั้นมาถึง...เราอาจนั่งตีอกชกหัวตัวเอง ว่าไม่น่าเล่น "การเมือง" จนเป็นเหตุให้ชีวิตเราพังไปด้วยเลย...
ส่วนใครที่คิดว่าตัวเอง "ว่ายน้ำแข็ง" ต่อให้เรือจมก็ไม่ตาย ก็เชิญตามสบายครับ...
ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า ประวัติต่อท้ายของคุณที่ไปที่ไหนก็สละเรือน่ะ จะมีคนต้อนรับอีกสักกี่ครั้ง?
...
แต่หากเรือมันจะล่ม เพราะคุณเตือนแล้วก็ดี ช่วยแล้วก็ยังไม่เห็นคุณค่า...อันนี้จะมาโทษคุณก็ไม่ได้
สุดท้ายแม้ผลลัพธ์ เรือจะล่ม เหมือนกัน...แต่สิ่งที่อยู่ในใจเราจะไม่มีวันเหมือนกันครับ
จะเลือกเป็นแบบไหนนั้น...คนที่คิดเป็นคงเลือกได้เองนะครับ?
เช้านี้ผมมีเหตุให้ต้องประชุมเคร่งเครียดกับ Partner คนหนึ่ง เพราะมีประเด็นที่เข้าใจไม่ตรงกันหลายเรื่อง
แม้ว่าโดยส่วนตัว ผมอาจจะมีประเด็นไม่ค่อยลงรอยกับเค้าอยู่บ้าง แต่ผมคิดว่า คนเราต้องรู้จักแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน
ที่พูดแบบนี้ ไม่ใช่จะมาเล่าเรื่อง "ยกหาง" ต้วเอง แต่ผมคิดว่า หลายๆ คนคงเคยพลาดเอาเรื่องส่วนตัวมาพันกับเรื่องงาน ทำให้เกิดความเสียหายขึ้นกันมาบ้าง...ผมเองก็เคยพลาด
แต่การรอสมน้ำหน้าคนอื่นน่ะ...สุดท้ายแล้ว มันเป็นเรื่องดีกับตัวเราจริงๆ รึเปล่านะ?
...
สมมติว่า เรามีอันต้องขึ้นเรือไปกับคนที่เราไม่ชอบขี้หน้า แล้วบังเอิญให้เรือรั่ว...ถ้าไม่ทำอะไรเลย คงมีหวังไม่รอดทั้งคู่ ถามว่าคุณจะยังมัวแต่รังเกียจรังงอน หรือเลือกที่จะร่วมมือกับคนที่คุณไม่ชอบหน้า?
หรือหากคุณเห็นคนที่คุณไม่ชอบหน้ากำลังจะทำงานผิดพลาด...คุณเลือกที่จะปล่อยให้เค้าทำผิด เพื่อรอสมน้ำหน้า หรือเลือกที่จะช่วยเค้า?
จริงอยู่ว่า แต่ละคนมีหน้าที่ที่ต่างต้องรับผิดชอบ...และไม่ผิด หากเราจะดูดายไม่ช่วย
หากแต่ คุณมั่นใจได้ยังไงว่า การปล่อยให้คนที่อยู่บนเรือลำเดียวกับคุณตายไปต่อหน้า หรือปล่อยให้คนที่อยู่ในองค์กรเดียวกับคุณสร้างข้อผิดพลาดขึ้น จะไม่ทำให้คุณเดือดร้อนตามไปด้วย?
...
ปลาเน่าตัวเดียวทำให้เหม็นทั้งข้องฉันใด ความผิดพลาดของใครคนใดคนหนึ่งในองค์กร อาจส่งผลให้ทั้งองค์กรไปสู่จุดจบได้โดยง่าย
หากวันนั้นมาถึง...เราอาจนั่งตีอกชกหัวตัวเอง ว่าไม่น่าเล่น "การเมือง" จนเป็นเหตุให้ชีวิตเราพังไปด้วยเลย...
ส่วนใครที่คิดว่าตัวเอง "ว่ายน้ำแข็ง" ต่อให้เรือจมก็ไม่ตาย ก็เชิญตามสบายครับ...
ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า ประวัติต่อท้ายของคุณที่ไปที่ไหนก็สละเรือน่ะ จะมีคนต้อนรับอีกสักกี่ครั้ง?
...
แต่หากเรือมันจะล่ม เพราะคุณเตือนแล้วก็ดี ช่วยแล้วก็ยังไม่เห็นคุณค่า...อันนี้จะมาโทษคุณก็ไม่ได้
สุดท้ายแม้ผลลัพธ์ เรือจะล่ม เหมือนกัน...แต่สิ่งที่อยู่ในใจเราจะไม่มีวันเหมือนกันครับ
จะเลือกเป็นแบบไหนนั้น...คนที่คิดเป็นคงเลือกได้เองนะครับ?
Comments
Post a Comment