Skip to main content

Post#3-131: ปาเจราจริยาโหนติฯ

Post#3-131:
มีอดีตลูกน้องท่านหนึ่ง ส่งข้อความมาหาในช่วงเช้าวันนี้...ข้อความนั้นมีว่า

"ถึงแม้พี่ไม่ได้เป็นครูจริงๆ ของผม แต่ผมนับถือพี่เป็นครูของผมตลอดเวลาครับ กราบขอบพระคุณ คุณครูครับ"

สารภาพว่า พออ่านข้อความนี้แล้ว...ผมอึ้งไปชั่วครู่ ด้วยความรู้สึกหลายหลากที่เข้ามาพร้อมๆ กัน

...

หนึ่ง...คือ ความรู้สึกปลื้มใจ ไม่ได้ปลื้มใจที่มีใครมายกย่องให้เป็นครูนะครับ แต่ปลื้มใจที่อดีตลูกน้องท่านนี้ มีจิตใจที่ดีงาม ซึ่งจะเป็นคุณลักษณะที่เกื้อหนุนให้เค้าได้ดีต่อไปในภายภาคหน้า

สอง...คือ ความรู้สึกขอบคุณ เพราะข้อความนี้ ทำให้ผมคิดต่อไปว่า ความจริงแล้ว เราอาจมีโอกาสเป็น "ครู" ให้กับใครหลายๆ คนได้จริงๆ ด้วย เพราะ "ครู" แปลว่า "ผู้สั่งสอน"

สาม...คือ ความรู้สึกอยากแบ่งปันความรู้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะผมรู้สึกว่า อาชีพครู เป็นอาชีพที่ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ปั้นดินให้เป็นดาว และครูเป็นผู้มีบุญคุณเป็นอันดับต้นๆ รองจากพ่อแม่

...

แม้ว่า "ครู" จะเป็นเพียงอาชีพหนึ่งในสังคม และแม้ว่าบางคนจะเลือกทำอาชีพนี้ เพื่อแลกเงิน แต่ผมเชื่อว่า โดยส่วนใหญ่แล้ว คนที่เลือกประกอบอาชีพเป็น "ครู" นั้น เป็นด้วย "จิตวิญญาณ"

ผมเชื่อว่า เราต่างก็มีภาพของ "ครูผู้มีจิตวิญญาณของความเป็นครู" ที่ผมว่า อยู่ในดวงใจ...ซึ่งเป็นผู้ที่เรารู้สึกได้ด้วยหัวใจว่า ท่านเป็นบุคคลที่น่ากราบไม่น้อยไปกว่าพ่อและแม่ (อ่าน Post#131 เพิ่มนะครับ)

เชื่อเถอะครับ ว่าไม่มีวิธีตอบแทนบุญคุณของครูได้ดีไปกว่า การนำคำสอนของท่านมาเป็นส่วนหนึ่งของหลักครองชีวิต

...และจะดียิ่งกว่า หากนำคำสอนของท่านไปสั่งสอนคนรุ่นหลังต่อไป

...

หนึ่งในเป้าหมายของผมที่อยากจะทำให้สำเร็จให้ได้ ก็คือการแบ่งปันความรู้, แนวคิด และกำลังใจ ให้กับใครก็ได้ที่ต้องการ...และมันก็แสดงออกมาเป็น Post ที่ทุกท่านได้อ่านอยู่นี้

ผมเชื่อมั่นว่า การแบ่งปันความรู้นั้น ก็ถือเป็นทานมัยที่ยังประโยชน์ทั้งแก่ผู้ให้และผู้รับ...ถือเป็นธรรมทานอย่างหนึ่ง

และผมจะทำให้มันเป็นจริงไม่ได้...หากปราศจาก "ครู" ซึ่งอาจเป็นคุณแม่, ญาติ, เจ้านาย, เพื่อนร่วมงาน หนือแม้แต่ลูกน้อง ที่ถ่ายทอดความรู้ให้กับผมโดยที่เค้าอาจจะไม่รู้ตัว

แน่นอนว่าบุคคลที่สำคัญที่สุดที่กรุณาสั่งสอนและอบรมให้ผมมีจิตวิญญาณของการแบ่งปัน คงไม่พ้น "ครู" และ "อาจารย์" ในอดีตที่ผ่านมาทุกท่าน

ด้วยจิตคารวะและกตเวทิตาแด่ "ครู" และผู้มีจิตวิญญาณแห่ง "ครู" ทุกๆ ท่านครับ

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...