Skip to main content

Post#3-137: หางานใหม่ vs หาเงินใหม่

Post#3-137:
ค่ำวานนี้ มีอดีตลูกน้องท่านหนึ่งปรึกษาเรื่องงานที่ทำอยู่ ซึ่งเธอไม่ค่อยจะ happy สักเท่าไหร่...

ติดตรงที่เธอเกรงว่า จะออกจากงานก็จะเคว้งคว้างไร้จุดหมาย สุดท้ายก็เลยต้องจำทนอยู่ไปก่อน

ตอนหนึ่งของการสนทนา ผมถามเธอว่า "ถ้าต้องมีเงินน้อยลง แต่มีคุณค่าในตัวเองมากขึ้น ครอบครัวจะประคองไหวมั๊ย?"

เธอคิดอยู่อึดใจ แล้วบอกผมว่า "ก็น่าจะไหว"

พักเรื่องเธอไว้ตรงนี้ก่อนนะครับ

...

หากงานที่คุณกำลังทำอยู่ไม่สร้างคุณค่าและความหมายให้กับชีวิต ผมก็ไม่คิดว่า คุณกำลังอยู่บนทางที่ควรจะเป็น

ผมไม่ได้บอกว่า งานที่ทำเงินมากๆ ไม่สำคัญ แต่งานที่ทำเงินน้อยลงบ้าง แต่ทำให้เรามีคุณค่าขึ้นนั้น น่าจะเป็นงานที่เราควรเลือกมากกว่า

น่าเสียใจ ที่ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ มักจะ "หาเงินใหม่" มากกว่า "หางานใหม่"

แปลว่า งานอะไรที่แปลงเป็นเงินได้ แม้จะไม่ชอบและแม้จะต้องทนฝืนทำ ถ้าได้เงินมากๆ ก็เอาไว้ก่อน

แบบนี้ จะทำให้เรากลายเป็นพวก "วิ่งตามเงิน" ไปเรื่อยๆ...และสุดท้ายเราก็จะกลายเป็นพวกชอบนับหนึ่งใหม่อยู่เสมอ

...

บางท่านอาจจะสงสัยว่า "นับหนึ่งใหม่อยู่เสมอ" แปลว่าอะไร?

ก็แปลว่า เราทำอะไรไม่เคยสุดทาง เปลี่ยนงานไปตามเงินที่เพิ่มขึ้น...เงินเพิ่ม แต่ Work Competency ไม่เคยจะเพิ่มขึ้น

ก็จะเพิ่มได้ยังไงล่ะครับ ก็เพราะไม่เคยอยู่ที่ไหนนานพอที่จะเก่งขึ้นได้เสียทีนั่นเอง...สุดท้ายก็ทำได้แต่งานที่เคยทำมา เจอปัญหาก็แก้ไม่เป็น

ลองว่าถ้าย้ายงานตามเงินที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ตำแหน่งงานก็จะต้องสูงขึ้นตาม...คราวนี้ ถามว่า พอจะมีฝีมือสมกับเงินเดือนมั๊ยนะ ในเมื่อ มี Work Competency ติดตัวน้อยเหลือเกิน

...นึกภาพความหายนะของตัวเองออกมั๊ยครับ ถ้าวันหนึ่งต้องไปเป็น "นาย" จะเอาอะไรไปสอน จะเอาอะไรไปแนะนำลูกน้อง?

ผมอยากบอกว่า นี่เป็นปัญหาที่ใหญ่พอสมควรของทุกองค์กร ซึ่งส่งผลกระทบต่อศักยภาพของประเทศไทยโดยตรง

บางท่านอาจจะนึกว่าผมพูดจา over แต่ผมขอยืนยันว่า ถ้าลองมีแต่คนนึกถึงแต่ "เงิน" โดยไม่แคร์ "งาน" น่ะ รับรองว่า องค์กรนั้นๆ ไปไหนไม่ได้ไกลหรอกครับ และเมื่อองค์กรธุรกิจต่างๆ อ่อนแอ ก็อย่าหวังว่าประเทศไทยของเราจะมีศักยภาพที่แข็งแกร่งไปได้

...

เคยทานอาหารที่คำใหญ่เกินกว่าที่จะเคี้ยวไหวมั๊ยล่ะครับ?

การได้ค่าตอบแทนเกินกว่าความสามารถที่มีก็ไม่ต่างกันเลย...

สุดท้ายเมื่อเคี้ยวไม่ไหว ก็ต้องคายออกมา...นอกจากท้องไม่อิ่มแล้ว ก็ยังเก็บไว้ทานมื้อต่อไปไม่ได้อีกด้วย

...

กลับมาที่อดีตลูกน้องผม...

ฉะนั้น ผมจึงเตือนให้เธอถามตัวเองให้แน่ๆ ว่าที่กำลังพยายามดิ้นรนอยากเปลี่ยนงานอยู่น่ะ...เธอกำลังจะ

"หางานใหม่" หรือ "หาเงินใหม่" กันแน่?

ถ้าเป็นแบบแรก...อย่างน้อยก็ยังรู้ว่า เธอกำลังจะขับรถไปไหน อย่างน้อยก็ไม่หลงทาง

แต่ถ้าเป็นแบบหลัง...เธอก็ไม่ต่างจากคนขับรถหลงทางไปเรื่อยๆ นั่นล่ะครับ...

เหมือนกับที่ผมเคยแชร์ไว้ใน Post#231 ว่า...

"การที่ไม่มีเงิน เป็นปัญหาชั่วคราว แต่การที่ไม่มีเป้าหมาย เป็นปัญหาตลอดชีวิต"

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...