Skip to main content

Post#3-133: ประเมินตน vs คนประเมิน

Post#3-133:
ช่วงหัวค่ำ ผมมีเวลาว่างอยู่พักใหญ่ๆ ระหว่างนั่งรอนัดเจอกับอดีตลูกน้อง...ผมก็เลยใช้เวลาไปกับการนั่งดู Clip เมื่อครั้งผมไปเป็นอาจารย์พิเศษให้กับองค์กรแห่งหนึ่งเมื่อหลายเดือนก่อน

จำได้ว่า หลังจบการบรรยาย ระหว่างเดินทางกลับ ผมประเมินตัวเองไว้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่...นึกตำหนิตัวเองอยู่นิดๆ ว่า จะไปทำให้คนเชิญและสถาบันฯ ที่เชิญ เสียชื่อหรือเปล่าหนอ?

หลังจากนั้น แม้ผลจะปรากฏว่า ผู้เข้าร่วมหลักสูตรได้ให้คะแนนประเมินผมในระดับสูง...แต่ผมก็ยังรู้สึกว่า ถ้ามีโอกาสได้ไปบรรยายในหลักสูตรนี้อีกครั้ง ผมจะทำได้ดีกว่านั้นแน่ๆ

...

อย่างที่เคยคุยไว้หลายครั้งครับ ว่าการประเมินผลงานนั้น มีความสำคัญไม่แพ้การตั้งเป้าหมาย...และการประเมินตนเองควบคู่ไปกับการรับฟังผลการประเมินจากผู้อื่นนั้น ก็จะทำให้ผลของการประเมินมีมิติที่ชัดเจนมากขึ้น

ส่วนใหญ่แล้ว...คนเรามักประเมินตัวเองเกินจริง ซึ่งมีทั้ง "ดีเกินจริง" และ "แย่เกินจริง" นั่นเป็นเพราะเราเทียบผลงานของเรากับความคาดหวังของตัวเราเอง

ต่อเมื่อเราทราบว่า ผลการประเมินที่คนอื่นมองเรา เป็นยังไง ก็จะทำให้เราประเมินผลงานได้ชัดเจนมากขึ้น เพราะได้ทราบความเห็นและมุมมองที่ต่างออกไป มาเป็นตัวเปรียบเทียบ

หากเราประเมินตัวเราดีเกินเหตุ เราจะได้ลด ego ลงได้บ้าง จะได้รู้จักเลิก "ยกหาง" ตัวเองเกินงาม และนำความเห็นคนอื่นมาพัฒนาตัวเราได้

หากเราประเมินตัวเองแย่เกินจริง เราจะได้มีกำลังใจขึ้น และรู้สึกดีว่า มุมมองที่คนอื่นมีต่อผลลัพธ์ที่เราส่งมอบ อยู่ในเกณฑ์ที่พอจะรับได้หรือดีกว่าที่เราคิด

...

สำคัญที่สุดตรงที่ เราคิดเข้าข้างตัวเองมากไปมั๊ย และเปิดใจรับคำตำหนิวิจารณ์ได้มากพอมั๊ย?

ถ้าหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง คนอื่นวิจารณ์ก็รับไม่ได้...ก็มีอันย่ำอยู่กับที่ หรือถอยหลังลงคลอง ด้วยเหตุเพราะเอา "อัตตา" เป็นอารมณ์

แต่หากยอมรับคำวิจารณ์ได้ จะได้นำข้อผิดพลาดนั้นมาเป็นเป้าหมายสำหรับการพัฒนาตัวเราเองได้ต่อไป

ส่วนคำชมก็ถือเป็นกำลังใจเล็กๆ ให้เรานำไปวิเคราะห์ต่อ ว่าทำไมจึงได้รับคำชม เราได้รับคำชมเพราะบังเอิญ หรือเป็นเพราะเราทำจุดนั้นได้ดีจริงๆ...

แต่ที่แน่ๆ คำชมทั้งหลาย ไม่ได้มีไว้ให้เราเหลิง และก็ไม่ได้แปลว่าสิ่งที่เค้าชื่นชมว่าดีแล้ว เลิศแล้ว จะใช้ได้ตลอดไปนะครับ เราต้องรู้จักนำจุดดีไปขยายผลให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปด้วยเช่นกัน

ถ้าคนเกือบ 100% ที่ประเมิน บอกว่า ผลงานของคุณยังไม่ดีพอ คุณยังจะกล้าเข้าข้างตัวเองมั๊ย ว่าผลงานของคุณนั้น ดีเยี่ยม?

ถ้าคนเกือบ 100% ชื่นชมผลงานของคุณ อย่างน้อยคุณควรมั่นใจได้ในระดับหนึ่ง ว่าคุณทำงานได้ไม่เลว...แต่อย่าลืมว่า "ห้ามเหลิง" ^^

...

ปีที่ผ่านมา...ประเมินตัวเองและถูกประเมินกันยังไงบ้างครับ?

ผลประเมินไม่ดี...เราตำหนิคนประเมินโดยไม่ได้ตำหนิตัวเองรึเปล่า?

โทษคนอื่นแต่ไม่เคยโทษตัวเองน่ะ...มีแต่เด็กไม่รู้เดียงสาเท่านั้นล่ะครับ...ที่ทำ

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...