Skip to main content

Post#3-121: ตั้งสติก่อนถกเถียง

Post#3-121:
เรื่องทะเลาะเบาะแว้งและความยุ่งเหยิงต่างๆ ในโลก ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจากความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน

เหตุผลของเราอาจจะเป็นเพียงแค่คำแก้ตัวที่ไร้สาระสำหรับใครบางคน และเรื่องบางเรื่องที่เรามองว่าเป็นเรื่องเล็กๆ แต่สำหรับใครบางคนมันอาจจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย

ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เป็นเพราะเรามีกรอบความรู้, กรอบประสบการณ์และปฏิกิริยาที่มีต่อเรื่องราวต่างๆ ไม่เหมือนกันนั่นเอง

...

Marcus Aurelius (จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิ์โรม ช่วง ค.ศ.16) ทรงมีความเห็นว่า

"Everything we hear is an opinion, not a fact. Everything we see is a perspective, not the truth."

แปลว่า "สิ่งต่างๆ ที่เราได้ยินเป็นเพียงความเห็น มิใช่ข้อเท็จจริง สิ่งต่างๆ ที่เราเห็นเป็นเพียงมุมมอง มิใช่ความจริง"

...

ดังนั้น ก่อนที่จะเถียงกันหรือทะเลาะกันไม่จบไม่สิ้นนั้น เราก็ควรจะเริ่มต้นด้วยการเช็คตรรกะของทั้งสองฝ่ายให้ชัดเจนก่อนครับ...ไม่งั้นก็เถียงกันเหนื่อยเปล่าๆ

หัดฟังให้ตลอดความก่อน ไม่ใช่แค่เปิดหู...แต่ต้องเปิดใจฟังด้วย ฟังแล้วก็ต้องคิดตาม ไตร่ตรอง วิเคราะห์ และที่สำคัญต้องแยกข้อเท็จจริงออกจาก "ดราม่า" ด้วย

ไม่เข้าใจก็หัดเอ่ยปากถาม...ไม่ใช่ไปตีความเอาเอง เข้าใจเอาเอง แล้วก็ฝึกจดบันทึกให้เป็นนิสัย เพราะคนเราน่ะ ลืมกันได้ครับ อย่างน้อยจะได้มีอะไรไว้สอบทาน

...

ก่อนจาก...ฝากไว้เตือนใจครับ

ต่างคนต่างความคิด
ล้วนต่างจิตและต่างใจ
เรื่องเล็กว่าเรื่องใหญ่
มองมุมไหนเขาหรือเรา

ยิ่งเถียงยิ่งทะเลาะ
ยิ่งยิ้มเยาะยิ่งโง่เขลา
ควรหรือที่คนเรา
จะมัวเมาเฝ้าทำลาย

คุยกันด้วยเหตุผล
เตือนใจตนให้มุ่งหมาย
อคติให้เว้นวาย
สติถ้วนล้วนรู้ความ

เริ่มต้นด้วยสุตะ
จิตตะมั่นปุจฉาถาม
ลิขิตเพื่อสอบความ
ลดละวางอัตตาตน

ตรรกะเป็นตัวตั้ง
ใช่โง่งั่งมัววกวน
ยืนกรานตามใจตน
ระวังคนระอาใจ

ฟังก่อนแล้วจงคิด
ปะต่อติดก่อนถามไถ่
ได้ความแล้วจดไว้
เพื่อจะได้ใช้สอบทวน

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...