Skip to main content

Post#4-335: ทำไมถึงดี? / ทำไมถึงไม่ดี?

Post#4-335:
บ่ายนี้ ผมประชุมกับทีมงานเรื่องของผลการดำเนินงานที่ผ่านมา...ซึ่งก็แน่นอนว่า มีทั้งประเด็นที่น่ายินดี และประเด็นที่น่าหนักใจ

อันว่า "ธุรกิจ" ก็ย่อมจะมีขึ้นมีลง...เป็นเรื่องธรรมดาและธรรมชาติ

หากแต่ประเด็นที่ผมให้ความสำคัญและต้องการสืบค้นไปให้ถึงต้นตอน่ะ คือประเด็นที่ว่า "ทำไมผลงานถึงดี?" และเช่นกันกับที่ว่า "ทำไมผลงานถึงไม่ดี?"

...

ตราบเท่าที่เราหาคำตอบไม่ได้ ว่าทำไมดีหรือทำไมไม่ดี...เราก็จะไม่มีวันที่จะรู้ว่า แล้วทำยังไงถึงจะดีต่อเนื่อง? หรือทำยังไงที่ยังไม่ดี จะพลิกกลับเป็นดีได้?

การไม่รู้ว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจดีหรือแย่...จึงถือเป็นความเสี่ยงของผู้บริหาร

หากไม่รู้...ก็เปรียบเสมือนการขับรถไปในความมืดโดยที่ไฟส่องทางเสียและ GPS ไม่ทำงาน นั่นล่ะครับ

เมื่อมองทางข้างหน้าไม่เห็นและไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังขับไปไหน...จึงมีความเสี่ยงสูงมาก ที่เราอาจจะขับรถตกเหวหรือขับชนอะไรสักอย่างแน่ๆ

...

เอาจริงๆ ผมไม่ได้ยินดีหรือดีใจกับการที่ผลงานออกมาดีเพราะโชคช่วย...

ตรงกันข้าม...ผมจะเดือดเนื้อร้อนใจมาก ถ้าได้ยินทีมงานบอกว่า ผลงานดี เพราะเราโชคดี

ก็เพราะโชคไม่ได้เข้าข้างเราเสมอไปแน่ๆ...และ "โชค" ก็เป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ รวมถึงขาดความแน่นอน เป็นที่สุด

เอาจริงๆ ผมจะสบายใจมากกว่า ถ้าผลงานออกมาแย่กว่าเป้าหมาย แต่ทีมงานสามารถระบุได้ชัดเจน ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร และจะแก้ไขข้อผิดพลาดเหล่านั้นได้ยังไง?

...

ความผิดพลาดใดๆ อาจจะเกิดจากปัจจัยภายนอกก็ได้ หรือปัจจัยภายในก็ดี...แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว คราวหน้าเราก็ไม่ควรปล่อยให้มันเกิดขึ้นแบบเดิมอีก

ครั้งแรกที่เกิดความผิดพลาดจากปัจจัยภายนอกขึ้น อาจจะเป็นเรื่องของ "โชคร้าย"...แต่ถ้าเกิดซ้ำเดิมอีก ถือเป็นเรื่องของ "ความประมาท"

ครั้งแรกที่เกิดความผิดพลาดจากปัจจัยภายในขึ้น อาจจะเป็นเรื่องของ "ความไม่รอบคอบ"...แต่ถ้าเกิดซ้ำเดิมอีก ถือเป็นเรื่องของ "ความสะเพร่า"

...

แม้ว่าผลงานดีเพราะโชคช่วย จะเป็นเรื่องดีไม่น้อย...แต่ใช่มั๊ยหนอ ที่เราจะมัวแต่สวดมนต์อ้อนวอนขอให้ฟ้าคุ้มครองไปเรื่อยๆ?

ผลงานที่ดีเพราะการวางแผนที่ดีต่างหาก จึงควรเป็นวิถีที่ทั้งองค์กรควรจะมุ่งไป

อย่าลืมนะครับ ว่าแม้จะวางแผนดีเพียงใด...ก็ใช่ว่าจะเป็นสิ่งการันตีความสำเร็จ

ผมถึงได้บอกว่า ถ้าจะให้เลือกผลงานดีเพราะโชคช่วย สู้เลือกให้ผลงานแย่หน่อยแต่รู้สาเหตุ ยังจะดีเสียกว่า

...ก็เพราะการผิดพลาดแบบมีอนาคต ต่างหาก...ที่จะชี้ชะตาว่า ใน "ระยะยาว" ทั้งผู้บริหารและองค์กร จะพากันไป "รอด" หรือไม่!...

#NoteToSelf: 

  • ดีใจเพราะโชคช่วยครั้งนี้ รับรองได้ว่า จะต้องร้องไห้เพราะไม่รู้จะต้องจัดการยังไงกับชีวิตต่อๆ ไป เมื่อไร้โชค
  • แต่แค่ความเสียใจเพราะเกิดข้อผิดพลาดในวันนี้ ก็ยังไม่พอ...ต้องทบทวนและป้องกันไม่ให้ข้อผิดพลาดเกิดขึ้นซ้ำอีก จึงเป็นเรื่องที่ "ต้อง" ให้ความสำคัญ
  • "โชคช่วย" ก็แค่ชนะสั้น..."หมั่นปรับปรุง" จึงจะชนะยาว
  • "โชคร้าย" เป็นแค่ข้ออ้างของ "พวกขี้แพ้"...ส่วนการ "สืบค้นว่าทำไมถึงแพ้" นั้น เป็นทางเดินของ "ผู้ชนะ"

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...