Skip to main content

Post#4-346: ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา

Post#4-346:
เมื่อเย็นวานนี้ ผมมีอันต้องขึ้นเขียงผ่าฟันที่แตก...หลังจากที่มัวแต่กลัวและหลบเลี่ยงมานานเหลือเกิน

ไม่อยากจะแก้ตัวเลยครับ ว่าผมก็คงเหมือนกับผู้คนอีกไม่น้อย ที่กลัวการไปพบหมอฟันเป็นที่สุด

และการมัวแต่กลัวและหลบเลี่ยงหมอฟัน ก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น...ตรงกันข้าม ทุกอย่างก็เลวร้ายลงไปเรื่อยๆ

ที่สุด...ผมก็ทนเจ็บต่อไปไม่ไหว แล้วก็ต้องซมซานมาหาหมอฟันอยู่ดี

...

แน่นอนว่า เมื่อมาหาหมอฟันในลักษณะแบบนี้ ก็ย่อมต้องพบกับความจริงที่เลวร้าย...นั่นก็คือ ต้อง "ถอน" สถานเดียวเท่านั้น

โบราณถึงสอนไว้เป็นหนักหนา ว่าอย่ารอจนทุกอย่างสายเกินแก้...และแม้ผมจะรู้อยู่เต็มอก แต่ก็ยังเลือก "ทางหนี" มากกว่า "ทางสู้"

ผมจึงได้แต่อดสูใจบวกกับละอาย แถมต้องสมน้ำหน้าตัวเองอีกด้วย...คิดย้อนไปก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมผมถึงปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพ "ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา" ไปได้?

...

นี่เอง ที่ผมจึงมักเตือนตัวเองและคนอื่นๆ...ว่าเหตุใดจึงต้องเลือกที่จะเผชิญหน้ากับปัญหา แทนที่จะมัวแต่หลบเลี่ยงมัน

นี่เอง ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่า ผมก็ยังฝึกตัวเองได้ไม่ดีพอ...ยังทำไม่ได้อย่างที่คิดและพูด ซึ่งถือเป็น "บทเรียน" ที่ต้องนำมาสอนใจให้ต้อง "เข้มงวด" กับตัวเองให้มากขึ้น

ได้แต่หวังว่า...เรื่องของผมจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดีนะครับ ว่า

...เราไม่มีทางชนะปัญหาใดๆ ได้ด้วยการหลบเลี่ยง และยิ่งปล่อยไว้ ปัญหาก็จะยิ่งลุกลามและบานปลาย...

#NoteToSelf: 

  • อย่ามาอ้างว่า "กลัว" จึงไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหา...เพราะเมื่อมันลุกลามใหญ่โต เราเองนั่นแหละ ที่จะต้องตีอกชกหัว แล้วรำพึงว่า "รู้งี้รีบแก้ก็ดี"
  • ถ้าต้องตายเพราะปล่อยให้แผลถลอกกลายเป็นแผลฉกรรจ์...จะกล้ารายงานท่านพญายมราชมั๊ย ว่าเราเป็นอะไรตาย?
  • คนฉลาดจึงต้องรู้จักหันหน้าสู้ปัญหา...ปล่อยให้คนโง่หันหลังหนีปัญหาต่อไป #เลิกโง่

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...