Post#4-341:
ผมพึ่งจะลงเครื่องเมื่อคืนนี้ตอนเที่ยงคืนกว่าๆ และกว่าจะได้นอนก็เกือบตี 4...เพราะโดนอาการท้องเสียเล่นงาน
เช้านี้ผมถึงหมดแรง แล้วก็สะโหลสะเหลอยู่ไม่น้อย...แต่ก็ต้องขุดสังขารขึ้นจากที่นอน เพราะต้องขับรถพาลูกสาวมาเมืองทองธานี
ระหว่างเขียนโพสต์นี้ ผมจึงแอบแว่บมาพักร่าง ด้วยการนอนนวดเท้าอยู่ที่ Hall 9 Impact Arena...แน่นอนว่า ลูกสาวของผมก็กำลัง enjoy กับการเลือกซื้อหนังสืออยู่ในงาน Big Bad Wolf
ปีนี้เค้าจัดยาวนานกว่าเดิมถึง 401 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาฯ ที่ผ่านมา ยาวนานแบบไม่สนใจกลางวันหรือกลางคืน ไปถึงวันที่ 27 สิงหาฯ โน่นเลย
..
เอาจริงๆ แม้ว่าผมจะต้องใช้จ่ายในการซื้อหนังสือให้ลูกสาวเดือนหนึ่งไม่น้อย...แต่ผมก็รู้สึกว่า มันจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า อย่างแน่นอน
ส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อว่าคลังความรู้ของคนๆ หนึ่ง จะถูกเติมเต็มได้ดีที่สุดด้วย "การอ่าน" มากกว่า "การฟัง"
เพราะเมื่อเราอ่าน เราจะต้องใช้สมาธิค่อนข้างมาก...ทำให้สมองได้วิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล
ช่วงไหนที่อ่านแล้วไม่เข้าใจ...ก็สามารถอ่านทวนได้บ่อยเท่าที่ต้องการ โดยไม่ต้องเกรงใจใคร
ตรงนี้เอง ที่การเรียนรู้ด้วยการอ่าน มีภาษีดีกว่าการฟังอยู่มาก เพราะบ่อยครั้งที่สมาธิในการฟังของคนเรา จะกระเจิดกระเจิงได้ง่ายกว่าสมาธิที่มีต่อการอ่าน
...
คนรุ่นเก่าอย่างผม...ยังไงก็ยังชอบการเรียนรู้จากหนังสืออยู่ดี แม้ว่ายุคนี้ ชีวิตของคนเราต้องพึ่งพิงการค้นข้อมูลผ่าน Internet เป็นหลัก
ไม่รู้สิครับ...แต่ผมรู้สึกว่า ข้อมูลในหนังสือนั้น มีความน่าเชื่อถือมากกว่า เพราะเรารู้ว่า มันมาจากไหน, ใครเป็นคนเขียน, เขียนขึ้นเมื่อไหร่ และที่สำคัญเขียนโดยมีแหล่งอ้างอิงหรือไม่
อีกอย่างหนึ่ง ผมยังชอบความรู้สึกในขณะที่ได้จับหนังสือ, ได้พลิกหน้ากระดาษ และได้กลิ่นน้ำหมึกจางๆ...จะฟินมาก ถ้ามี Earl Gray Tea with Milk ส่งควันฉุยอยู่ข้างๆ
ผมมั่นใจว่า ผมคงไม่ต้องสาธยายเพิ่มเติมแต่อย่างใด ว่าการอ่านหนังสือมีเสน่ห์ที่แตกต่างจากการอ่าน e-book ยังไง
เท่าๆ กับที่คงไม่ต้องบอกว่า ข้อดีของ e-book มีอะไรบ้าง?
ขึ้นชื่อว่า "การอ่าน"...จะอ่านผ่านสื่อไหน ยังไงเราก็ได้ประโยชน์อยู่ดี...ผิดก็แต่รสนิยมในเรื่องที่อ่านและสื่อที่ใช้อ่านเท่านั้นเอง
...
ปีหลังๆ มานี้...ทั้งสำนักพิมพ์ที่ออกหนังสือและแมกกาซีน ต่างก็ล้มหายตายจากไปอย่างน่าใจหาย
เป็นสัจธรรมของวัฏฏะแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เราต้องยอมรับ...เฉกเช่นกล้องฟิล์มที่ตาย, พิมพ์ดีดที่เด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จัก, เทป-cd ที่กลายเป็นของตกรุ่น, ฯลฯ
...งานสัปดาห์หนังสือฯ หรือ Big Bad Wolf...สำหรับผม มันจึงเปรียบเสมือน Oasis ของคนที่รัก Traditional Way of Reading เอาจริงๆ ครับ...
#NoteToSelf:
- ไม่อ่านมากๆ ก็ยากที่จะพัฒนา...เพราะไร้ซึ่ง Knowledge ก็ยากที่จะได้มาซึ่ง Wisdom
- การลงทุนในความรู้...น่าจะเป็นการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงสุด เพราะเรามิอาจจะประเมินขีดสุดของการต่อยอดของความรู้ที่มีได้
- ลองอ่านหนังสือภาษาอื่นที่ไม่คุ้นเคยดู (เช่นภาษาอังกฤษ)...แล้วจะรู้ว่า แม้จะอ่านได้ช้า แต่ก็ช่วยให้เรารวมสมาธิได้ดีกว่า
Comments
Post a Comment