Skip to main content

Post#4-348: ความลงตัวของชีวิต

Post#4-348:
แม้ว่าวันอาทิตย์จะเป็นวันที่ผมเลือกปิดมือถือ...ตัดการเชื่อมต่อกับคนนอก เพื่ออยู่กับครอบครัวบ้าง

แต่ก็เป็นอีกหนึ่งวันอาทิตย์ ที่ผมต้องออกมาประชุมกับชาวต่างชาติ...ที่บินมาเพื่อพบผมเป็นการเฉพาะ

เมื่อตั้งใจมากันขนาดนี้ ผมก็ต้องตอบสนองพวกเค้าโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้...

และเนื่องจากรู้จักกันมาก่อนหน้านี้แล้ว...มันจึงเป็นการประชุมวันอาทิตย์ที่ผม "เต็มใจ" ที่จะมา

...

เอาจริงๆ การประชุมในวันหยุด ก็มีข้อดีหลายอย่างอยู่เหมือนกันนะครับ

หนึ่ง...ก็คือการจราจรที่ไม่แย่เหมือนวันธรรมดา...ซึ่งทำให้การเข้าเมืองไม่ใช่เรื่องน่าขมขื่นเหมือนเช่นวันธรรมดา

สอง...ก็คือมันเป็นการประชุมในบรรยากาศที่ไม่เร่งรีบ ผ่อนคลาย และไร้ซึ่งการรบกวนใดๆ...ซึ่งก็ทำให้แทบจะไม่มีความเคร่งเครียดในการประชุมเลย แม้จะเป็นการคุยกันถึง project ที่ใหญ่มากๆ ก็ตาม

ถือเป็นแง่งามของการใช้เวลาในวันหยุดไปกับ "งาน" โดยแท้

...

อดีตเจ้านายของผมท่านหนึ่ง เคยแสดงทัศนะไว้ว่า...เมื่อใดที่เราใช้ชีวิตส่วนตัวกับชีวิตเรื่องงานได้อย่าง "ลงตัว" แล้วล่ะก็

เราก็จะพบกับ "ความสุข" ในการใช้ชีวิตได้ไม่ยาก

เมื่อเข้าใจถึงคำว่า "ลงตัว"...เราจะพบว่า การแบ่งเวลาระหว่างเรื่องงานกับส่วนตัว นั้น ไม่ใช่การแบ่งช่วงเวลาของส่วนตัวกับงานออกจากกันโดยเด็ดขาด

แต่เป็นการจัดสรรเรื่องงานกับส่วนตัว อย่างกลมกลืน...โดยที่เราไม่รู้สึกว่า เรา "อึดอัด" กับการสลับสับเปลี่ยนเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้ "ลงตัว" กับผู้คนรายรอบ

...และการจะมีความสุขกับความลงตัวแบบนี้ได้...ต้องเริ่มต้นด้วย "วิธีคิด" เท่านั้นครับ...

#NoteToSelf: 

  • ทำเรื่องงานในเวลาส่วนตัวได้ แต่ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะทำเรื่องส่วนตัวในเวลางาน...เพราะเรื่องงานเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับผู้คน แต่เรื่องส่วนตัวเป็นเรื่องของเราคนเดียว
  • "ความสุข" เป็นสิ่งที่ต้องสร้าง ไม่ใช่ต้องตามหา และต้องจำไว้ ว่าความสุขนั้น ไม่ใช่ "เป้าหมาย" แต่เป็น "วิถี" ต่างหาก
  • มองโลกอย่างไรก็เป็นไปอย่างนั้น...จริงแท้

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...