Skip to main content

Post#4-344: เล่นดีแต่แพ้ vs เล่นแย่แต่ชนะ

Post#4-344:
ผมเองก็เหมือนผู้ชายอีกหลายพันล้านคนบนโลก ที่ชื่นชอบการดูฟุตบอลเป็นอย่างมาก

แน่นอนว่า คนที่ชอบดูฟุตบอลก็มักจะมี "ทีมในดวงใจ" ของแต่ละคน...โดยมากก็จะรักเดียวใจเดียวกับทีมเดิมๆ มาเป็นสิบๆ ปี แต่ก็มีไม่น้อยที่เปลี่ยมทีมที่ตามเชียร์ไปตามกระแส

แต่ไม่ว่าเราจะอยู่ในพวกแรกหรือพวกหลัง...เราต่างก็จะมีความรู้สึกเศร้าและสุขไปกับทีมที่เราชื่นชอบเสมอ

วันไหนทีมชนะ ก็ดีใจ...ไปตามเยาะเย้ยทีมอริหรือทีมอื่นๆ เป็นที่สนุกสนาน

วันไหนทีมแพ้ ก็รีบตัดการติดต่อ และหลีกเลี่ยงการท่อง Social Network เพื่อที่จะได้ไม่ต้องได้ยินหรือเห็นถ้อยคำบาดหูหรือบาดตา

...

แล้วผมก็สงสัยต่อ ว่าคนชอบดูฟุตบอลจะรู้สึกต่อทีมรักของเค้าอย่างไรหนอ...เมื่อ

หนึ่ง...ทีมเล่นดีมากเลย แต่ผลการแข่งขันออกมาคือ "แพ้"

และสอง...ทีมเล่นได้ไม่เอาไหน ไร้ซึ่งเสน่ห์ แต่ผลการแข่งขันดันออกมา "ชนะ"

ยังไม่ต้องตอบก็ได้ครับ...แค่มีคำตอบไว้ในใจก่อนก็พอ

...

แล้วในชีวิตจริงล่ะครับ?

เราจะภูมิใจกับชีวิตแบบไหนกันแน่?

หนึ่ง...ชีวิตที่จมจ่อมอยู่กับวังวนเดิมๆ มาหลายปี เพราะเราเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบเอาความดีเข้าแลก

หรือสอง...ชีวิตที่เรารู้ตัวดีว่า ที่ได้ดีก็เพราะแค่ "โชคช่วย" เท่านั้นเอง...ไม่ได้มาจาก "ฝีมือ" แต่อย่างใด

...

กับฟุตบอล ผมว่าหลายๆ คนคงจะชอบแบบที่ทีมเล่นดีแม้ว่าจะแพ้ มากกว่าทีมเล่นแย่แต่ฟลุคชนะ

แต่กับชีวิตจริงแล้ว ผมว่าหลายๆ คนก็น่าจะภาวนาให้ "โชคช่วย" อยู่ไม่น้อย...เพราะคงไม่ค่อยมีใครชอบชีวิตที่จมจ่อมไปนานๆ เป็นแน่

คงไม่เป็นการปรักปรำใครจนเกินไป ถ้าผมจะสรุปว่า ถ้าเป็นเรื่องของตัวเราจริงๆ แล้ว...ชนะไว้ก่อน ก็น่าจะดีกว่ารึเปล่า?

...

ยามที่เราคิดว่าเราได้ทำดีที่สุดแล้ว แต่ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ...ถามจริงๆ ว่า เราเรียนรู้อะไรบ้าง?

ส่วนยามที่เราได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นเพราะโชคช่วย...ก็ถามจริงๆ อีกเหมือนกันว่า แล้วเราเตือนสติตัวเองยังไง?

แค่ปลอบใจตัวเองว่า ทำดีที่สุดแล้ว ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร กับหลงระเริงไปเรื่อยๆ ว่า ดวงดีเสียอย่าง...อย่างนั้นรึเปล่าหนอ?

ผ่านมากว่า 40 ปี...ผมแค่อยากเตือนว่า...เราควรต้องเรียนรู้จากความพ่ายแพ้ และอย่าคาดหวังว่าสายลมแห่งความโชคดี จะพัดมาบ่อยนัก

...เพื่อที่เราจะได้ไม่แพ้อีกในวันข้างหน้า และเพื่อที่จะได้ภูมิใจในชัยชนะที่มาจากฝีมือตัวเองจริงๆ...นั่นอย่างไรครับ...

#NoteToSelf: 

  • จงทำความเข้าใจกับความล้มเหลว เพื่อที่จะชนะให้ได้ในวันข้างหน้า
  • จงอย่าหลงระเริงกับชัยชนะจอมปลอมที่เทพีแห่งโชคชะตาประทานมาด้วยความสงสาร
  • หากอยากเป็นผู้ชนะที่ยั่งยืน ก็จงหัดเป็นผู้แพ้ที่โหยหาชัยชนะ และจงเป็นผู้ที่กระหายจะชนะด้วยฝีมือแห่งตน

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...