Skip to main content

Post#4-357: ทำงานเหนื่อยกาย อย่าให้ทำงานเหนื่อยใจ

Post#4-357:
หัวค่ำที่ผ่านมา ผมอยู่ในงาน Party ฉลองความสำเร็จเล็กๆ ร่วมกับทีมงาน...และถือเป็นงานเลี้ยงส่งคนที่จากไปกับต้อนรับคนที่เข้ามาใหม่ไปด้วย

ตลอดปีที่ผ่านมา ผมและทีมงานเหนื่อยกันมามาก ผ่านวิกฤตกันมาหลายครั้ง และร่วมด้วยช่วยกันมาอีกหลายหน...จึงเป็นโอกาสดีที่ผมจะได้แสดงความขอบคุณต่อทีมงานบ้าง

เอาจริงๆ ผมคิดว่า มันก็เป็นการเติมกำลังใจเล็กๆ และเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ให้น้องๆ สัมผัสได้ถึงคำว่า "ครอบครัวที่สอง"

...

ในแต่ละวัน เราใช้ชีวิตอยู่ที่ทำงานมากกว่าที่บ้านเสียอีก...ดังนั้นแล้ว การใช้ชีวิตในที่ทำงานอย่างมีความสุขนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวด

เราเหนื่อยกายเพราะการทำงานได้...แต่เราไม่ควรจะเหนื่อยใจเพราะการทำงาน

เรายุ่งยากใจเพราะงานมีขั้นตอนและกระบวนการมากมายได้...แต่เราไม่ควรยุ่งยากใจเพราะคนรอบข้างที่เกี่ยวข้องกับงานของเรา

การบริหารความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน, ลูกน้อง และเจ้านาย...จึงเป็น "ศิลปะ" ที่เราจำต้องใส่ใจและฝึกฝน

...

เมื่อเรายังเป็นพนักงาน...เราต้องเน้นในเรื่อง "เก่งงาน"

ต่อเมื่อก้าวหน้าในงานขึ้นบ้าง...เราต้องเน้นในเรื่อง "เก่งคิด"

และเมื่อก้าวขึ้นถึงขั้น "ผู้บริหาร"...เราจำเป็นที่จะต้อง "เก่งคน"

แต่ไม่ว่า เราจะอยู่ขั้นไหน และไม่ว่าจะเก่งเรื่องใด...ก็ต้องจำไว้ ว่าเราไม่อาจทำงานโดยปราศจากพวกพ้องที่เป็นครอบครัวเดียวกันไปได้

และจะยังประโยชน์อันใด หากเรามาทำงานโดยปราศจากคนตบไหล่ปลอบใจยามท้อ และคนร่วมยิ้มให้ยามสำเร็จ

...ครอบครัวที่สองของเรา มันจึงสำคัญฉะนี้ล่ะครับ...

#NoteToSelf:

  • ฉลองเล็กๆ ให้ทีมเล็กๆ ให้กับความรักเล็กๆ แต่หวังให้มันเติบใหญ่อย่างสวยงาม
  • เหนื่อยกาย พักก็หาย...แต่หน่ายใจ ยิ่งพักยิ่งเหนื่อย
  • อยู่ให้ไว้ใจ ไปให้คิดถึง...ไม่ใช่ อยู่ไปทำไม ไปได้ก็ดี

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...