Skip to main content

Post#4-343: พันธมิตรทางธุรกิจ

Post#4-343:
ผมพึ่งจะจบ Dinner Meeting กับเพื่อนรุ่นพี่ท่านหนึ่ง ที่ไม่ได้เจอกันเลยกว่า 15 ปีมาแล้ว

ให้บังเอิญที่ "งาน" บางอย่าง...ดึงให้เราได้กลับมาคุยกันอีกครั้ง...และแม้จะไม่ได้เจอกันมาแสนนาน แต่ก็ต่อติดความสัมพันธ์ได้ในทันทีที่พบหน้ากัน

ด้วยความที่ต่างคนต่างมีตารางงานที่วุ่นวาย กว่าจะได้เจอกันก็นัดกันอยู่เกือบเดือนทีเดียวครับ

...

หลังจากใช้เวลาครู่ใหญ่ๆ ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันแล้ว...เราก็ใช้เวลาถกประเด็นเรื่องงานอยู่เพียงไม่นาน

แล้วทุกอย่างก็ลงตัวโดยไม่ยากเย็น เพราะน้องๆ ในทีมที่ร่วม Dinner ด้วย ได้ประสานกันไว้ในระดับหนึ่งแล้ว

ส่วนมากจึงเป็นการแสดงให้ทีมเห็นว่า ระดับผู้ใหญ่มีความคุ้นเคยกันดี...และหวังว่าทีมงานทั้งสองฝ่าย จะทำงานร่วมกันได้เสมือนเป็นทีมเดียวกัน และมีเป้าร่วมกันแบบ win-win

...

นี่เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญ ที่จะทำให้ทีมงานเข้าใจถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันแบบเป็นเนื้อเดียว

หลายๆ ครั้งที่ระดับทีมทำงานอาจมีปัญหาระหว่างกันบ้าง...จึงเป็นหน้าที่ของระดับบนที่จะต้องใช้ "สายสัมพันธ์อันดี" เป็นตัวประคับประคองทีม

ยิ่งระดับบนคุ้นเคยกันมาก ก็ยิ่งทำให้ทีมงานรู้สึกว่า นี่คือการทำงานแบบ "งานกลุ่ม"...ที่มีเป้าหมายอยู่ที่ ต่างฝ่ายต่างควรจะได้ประโยชน์ และพร้อมจะช่วยกันแก้ปัญหาให้แต่ละฝ่ายเสียหายน้อยที่สุด

...

ระดับทีมงานมักมองแต่ผลประโยชน์ของฝ่ายตนเป็นที่ตั้ง...ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิด หากแต่ชัยชนะระยะสั้น อาจไม่ใช่เป้าหมายของระดับบน

ชัยชนะระยะยาวของธุรกิจ จึงไม่ได้มองกันที่จะเอาเปรียบอีกฝ่ายได้มากเท่าไหร่

...หากแต่มองไปถึง ความพยายามให้ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์จากการทำงานร่วมกัน ต่างหาก...

#NoteToSelf: 

  • ชนะคนเดียว ไร้คนคบหา และชนะสั้นๆ อาจหกล้มก่อนถึงเส้นชัย
  • ในชีวิตจริงเราย่อมมี "มิตรแท้" และในเชิงธุรกิจก็เช่นกัน...ซึ่งจะมี "มิตรแท้" ได้ เราย่อมต้องเป็น "มิตรแท้" ก่อน
  • ผลัดกันได้ประโยชน์ และผลัดกันยอมเสียประโยชน์...จึ่งเป็นวิถีทางแห่ง "พันธมิตรทางธุรกิจ" ที่ยั่งยืน

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...