Skip to main content

Post#5-118: To win vs To rule

Post#5-118:
ผมไม่แน่ใจว่า จะมีใครเคยได้ยินประโยคนี้บ้างมั๊ยนะครับ?

“To win and to rule are not the same thing...”

แปลเป็นไทยก็จะประมาณว่าชัยชนะกับการรักษามันไว้ เป็นคนละเรื่องกัน”...พอจะคุ้นๆ กันบ้างแล้วใช่มั๊ยครับ?

...

เอาจริงๆ ผมเห็นด้วยมากๆ กับข้อเตือนใจนี้...เพราะผู้คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่าเส้นชัยคือจุดสิ้นสุดของทุกๆ อย่าง

หมายความว่า เมื่อบรรลุเป้าหมายถึงสิ่งที่ต้องการแล้ว ก็มักจะทำให้เราหยุดอยู่กับที่!

ถ้าถามผมว่า นี่เป็นวิธีคิดที่ผิดมั๊ย?...อันนี้ ผมก็ไม่อาจฟันธงได้ชัดเจน

แต่ถ้าถามผมว่า วิธีคิดนี้ ยังไม่ถูกต้องใช่มั๊ย?

...แบบนี้ ผมก็อยากจะเสนอให้เราลองคิดต่อยอดไปอีกสักหน่อย

...

ชีวิตของคนเรานั้น แม้จะมีความคล้ายกับการวิ่งมาราธอนอยู่มาก...

แต่มันก็มีจุดต่างกันอยู่ตรงที่...เราอาจหยุดวิ่งเมื่อเข้าเส้นชัยได้

หากแต่...เมื่อเราพาชีวิตออกเดินหรือวิ่งไปถึงเส้นชัยหนึ่ง...เส้นชัยนั้น จะกลายเป็นจุดสตาร์ทสำหรับการออกวิ่งไปสู่เส้นชัยใหม่ แทบจะทันที!

...

ดังนั้น To win กับ To rule ก็ไม่ต่างกันครับ

เมื่อเราทำงานหนักจนได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ก็คือ To win แล้ว...เราก็ไม่อาจหยุดนิ่งไปวันๆ ได้...

หากแต่ต้องแสดงฝีมือให้เป็นแบบอย่างและเป็นผู้นำของทีมงานต่อไป...นั่นก็คือ To rule

จงจำไว้ว่า...เมื่อใดก็ตามที่เข้าถึงเส้นชัย ก็หมายความว่าเราอาจกำลังเดินเข้าไปสู่ Comfort Zone ด้วยเช่นกัน

ที่ถูกที่ควร เราจึงต้องทำตัวเป็นผู้ท้าชิงอยู่เสมอ...ไม่ใช่มัวหลงทนงว่าเราเป็นแชมป์

...จงวิเคราะห์ดูให้ดี และพิจารณาให้จงควรเถิดครับ...ว่าชัยชนะที่ได้มานั้น เป็นเพียงชัยชนะชั่วคราวหรือชัยชนะที่จีรัง”?...

#NoteToSelf: 

  • To win อาจไม่ยากสำหรับคนที่พยายามอย่างหนัก...แต่ To rule นั้น แม้จะพยายามอย่างหนัก ก็มิอาจรับประกันความสำเร็จได้
  • ชัยชนะใดๆ ที่ได้มา จึงมิใช่เส้นชัย”...หากแต่เป็นจุดสตาร์ทของมาราธอนชีวิต ต่างหาก
  • อย่ามัวหลงระเริงไปกับความสำเร็จในมือ”...จนละเลย หรือประมาทต่อความล้มเหลวที่อาจจะรออยู่ข้างหน้า

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...