Skip to main content

Post#5-134: ด้วยศรัทธาและเชื่อมั่น

Post#5-134:
ค่ำคืนนี้ ผมมีงานใหญ่ที่จะต้องต้อนรับแขกผู้มีเกียรตินับร้อยท่าน ที่มาร่วมในงาน Grand Opening ของบริษัทค้าปลีก ที่ผมช่วยงานอยู่

บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่นและอบอวลไปด้วยรอยยิ้ม...นั่นทำให้เหล่าทีมงานทั้งหลาย ได้ผ่อนคลายความตึงเครียดไปได้บ้าง

หน้าฉากที่งดงามที่ได้รับการถ่ายทอดสดผ่านหน้าจอ TV และ Cyber...ย่อมไม่มีวันเกิดขึ้นได้ หากไร้ซึ่งทีมงานที่แข็งแกร่ง, ทุ่มเท และเสียสละ

...

ผมผ่านประสบการณ์การเป็นทีมงานหลังบ้านมานับครั้งไม่ถ้วน...จึงเข้าใจและรู้ซึ้งเป็นอย่างดี...

ว่าฉากหน้าบ้านที่ปรากฏโฉมเพียงไม่กี่นาทีนั้น...จะต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อและแรงใจ ขนาดไหน

ยิ่งงานหน้าบ้านยิ่งใหญ่อลังการเพียงใด...งานหลังบ้านนั้นยิ่งเหนื่อยยากสาหัสสากรรจ์มากขึ้นเท่านั้น

...

ทุกๆ คนในทีม ต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน...

นั่นคือการทำทุกอย่างในความรับผิดชอบให้ดีที่สุด เพื่อให้แขกที่มาร่วมงาน กลับไปพร้อมความประทับใจ

และเพื่อให้ได้มาซึ่งรอยยิ้ม...ทีมงานต่างต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อ, น้ำตา และน้ำใจ

บางครั้งก็ต้องหารือกันแบบตบตี, บางครั้งที่ต้องพูดคุยกันแบบกอดคอ และบ่อยครั้งที่ต่างต้องปลอบใจและให้กำลังใจกัน เพื่อให้งานอันยิ่งใหญ่สำเร็จลุล่วงไปให้ได้

ทีมงานหลังบ้าน...จึงไม่ต่างจากผู้ปิดทองหลังพระอย่างแท้จริง

และพวกเค้าสมควรได้รับเสียงปรบมือชื่นชมในระดับเดียวกับผู้นำองค์กรที่ริเริ่มให้เกิดงานอลังการแบบนี้ขึ้นได้

...

มีแต่ผู้นำที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น ที่จะสามารถนำพาทีมงานไปสู่เป้าหมายที่สูงส่งได้

และทีมงานที่แข็งแกร่งเท่านั้น จึงจะส่งพลังเกื้อหนุนผู้นำให้ยิ่งใหญ่ยิ่งๆ ขึ้นไปได้

...ขอคารวะแด่ทั้งผู้นำและทีมงานที่เกื้อหนุนกันมาอย่างยาวนาน และมันจะเรื่อยไปครับ...

#NoteToSelf: 

  • ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่...ย่อมต้องประกอบไปด้วยพลังแห่งผู้นำที่หาญกล้า และพลังแห่งทีมงานที่กล้าแกร่ง
  • ทีมต้องศรัทธาในผู้นำ...และผู้นำก็จำต้องเชื่อมั่นในทีมงาน 
  • และเมื่อนั้น จุดหมายไหนที่ว่าไกล, เป้าหมายใดที่ว่าใหญ่ และงานใดที่ว่ายาก ก็คงไม่มีในพจนานุกรมของพวกเค้า

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...